• โทร: 02 559 0155

"Feminine Jaw line"

จากคัพ D สู่เฟิร์สบรา - โบ อสิดากาญจน์ ตันติไพบูลย์วงศ์

          ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อน ชื่อโบ อายุ 23 ปี ตอนนี้เรียน ป.โท อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ขอเข้าเรื่องเลยนะ เราตั้งใจจะเขียนโพสต์นี้ขึ้นมาเพื่อที่จะรีวิว การผ่าตัดหน้าอกของเรา ตัวเราเองรู้ตัวมานานแล้วว่าเราไม่มีความต้องการหน้าอกที่ใหญ่ หรือเรียกง่ายๆว่า “ไม่อยากมีนม” สำหรับบางคนที่หน้าอกใหญ่ ก็จะเข้าใจดีว่าใหญ่เกินไปบางครั้งก็เป็นภาระ ในกรณีของเรา “หน้าอกของเราอยู่ที่คัพ C ค่อน D” ส่วนตัวแล้วเราไม่พอใจกับร่างกายเราเอง มองแล้วรู้สึกหงุดหงิด “ทำไมชั้นต้องนมใหญ่ด้วยนะ” “ทำไมต้องยื่นออกมานะ จะเล่นกีฬาก็ลำบาก” พอหน้าอกเริ่มขึ้นก็เลยรัดมันซะเลย ใช้สเตย์เหมือนที่เคยเห็นกันตามท้องตลาด 3 อัน 100 บ้าง เดินค่อมไหล่บ้างหละ เพื่อปกปิดสรีระตัวเอง จนบางคนก็เข้าใจว่าเราเป็นคนไม่มีหน้าอก ขอแก้ไขตรงนี้เลยนะ “กรูมีเฟ้ย แต่ไม่อยากโชว์” เรามีความสุขกับการใช้ชีวิตภายใต้สเตย์มาตลอดจนกระทั่งวันนึง 

 

 

จากคัพ D สู่เฟิร์สบรา - โบ อสิดากาญจน์ ตันติไพบูลย์วงศ์

          เราได้ดูคลิปของ FTM people หรือ transgender ในอีกชื่อก็คือชายข้ามเพศ เราก็เริ่มมีแรงบัลดาลใจเล็กๆ “หรือเราผ่าออกดีนะ” ตอนนั้นอายุประมาณ 18 ปีเพิ่งจบจากมัธยมจากโรงเรียนหญิงล้วนชื่อดังในจังหวัดกรุงเทพฯ เราจึงมีคำถามกับตัวเอง เราอยากผ่าจริงๆหรือเปล่านะ “หรือเพราะตอนเด็กฉันเจอแต่เด็กผู้หญิงนะ” เราต้องขอพ่อแม่หรือเปล่านะถ้าจะผ่า แอบผ่าดีมั้ยนะ เราใช้เวลาคิดจนอายุ 22 ปีในรั้วมหาวิทยาลัย “ฉันว่าฉันอยากผ่าจริงๆนะ” 


          ตอนคิดก็เริ่มเก็บเงินพอมาถึงวันที่แน่ใจแล้วมีเงินเก็บพอประมาณ “มาเราเริ่มหาที่ผ่ากันเถอะ” ตอนนั้นยังคิดว่าแค่หาที่ผ่าก็พอ ที่ไหนก็ได้มันจะอะไรนักหนาเชียว ดูผ่านรีวิวของคนนั้นคนนี้บ้าง เดินทางไปจริงๆเลยก็มี สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าเอาคลีนิคนี่แหละ หน้าเว็บน่าเชื่อถือคลีนิคดูมีชื่อเสียงดี ใกล้มหาลัยดีด้วย ลองทักไปแล้วเค้าก็ตอบดี พักฟื้นไม่นาน “5 หมื่นค่ะน้อง ราคานี้รวมห้องพักที่โรงแรม 1 คืน ไม่วางยาสลบจะเป็นยาชา ผ่าแบบนี้ไม่ใช่ผ่าใหญ่ไม่ต้องห่วงน้อง เคสแบบน้องมีเยอะ (พร้อมทั้งโชว์ภาพเคสต่างๆให้เราดู)” 
*******พาร์ทคลีนิคขออนุญาติข้ามเพื่อความกระชับ*******

 

 

          สรุปเราไม่ได้ทำที่นี่ทำไม่ไหวจริงๆกับมาตรฐานนี้ จังหวะนี้เลยโทรไปหาพ่อแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง พ่อเราตัดสินใจบอกว่า “โอเคลูก ลูกทำถูกแล้วที่มาบอกพ่อ กลับมาบ้านก่อนนะมาช่วยกันหาข้อมูล” เห้ย ทุกคนอย่าเพิ่งคิดไป แหม่ ก็พ่อเธอเค้าสนับสนุนอ่ะ เราเรียกว่าไม่มีพ่อแม่ที่ไหนไม่รักลูกดีกว่า เมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้เค้าก็พยายามเข้าใจเรา เราก็เปิดใจที่จะพูดมากขึ้น เรื่องแล้วมาจนเราได้ข้อมูลโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯมา 2 แห่ง ที่แรกคือโรงพยาบาลในกรุงเทพชื่อดังแห่งหนึ่ง และ โรงพยาบาลชื่อดังอีกที่คือ โรงพยาบาลกมล หลังการหาข้อมูลจากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆรีวิวและการไปสำรวจที่โรงพยาบาล ทำให้เราเลือก “โรงพยาบาลกมล” ต้องบอกก่อนไม่ใช่ว่าอีกที่ไม่ดี แต่ละที่จะมีจุดเด่นไม่เหมือนกัน 

          เหตุผลหลักๆที่เราเลือกทำที่โรงพยาบาลกมลคือ เราประทับใจในความเอาใจใส่ของทางโรงพยาบาลราคาก็ไม่ได้ต่างกับอีกที่มากนักอยู่ที่แปดหมื่นถึงแสนต้น ซึ่งตั้งแต่ตอนที่โทรไปหาโรงพยาบาลครั้งแรกเพื่อจะสอบถามราคา การเข้ามาพูดคุยที่แผนกต้อนรับ ซึ่งเราสามารถพบคุณหมอได้วันนี้เลย ซึ่งมันเป็นอะไรที่แตกต่างจากที่อื่นมากอ่ะ ที่อื่นเราไปคุยกับ information คือจบ แล้วถ้าจะพบแพทย์ต้องทำเรื่องต่อ ซึ่งก็คงจะกินเวลาราวๆหนึ่งสัปดาห์หรือนานกว่านั้น แพทย์ที่เราพบก็คือนายแพทย์กมล (ใช่จ่ะเจ้าของโรงพยาบาลเลย) หมออธิบายละเอียดมาก หน้าอกเราขนาดรูปร่างแบบนี้ต้องใช้เทคนิคอะไร ไหมเส้นขนาดไหนที่หมอใช้ (ไหมที่นี่เล็กกว่าที่อื่นมาก จากประสบการณ์คนที่ทำมาแล้วเล่าต่อ)

          นอกจากนี้หมอยังใส่ใจถึงชีวิตหลังการผ่าตัดด้วย ถ้าผ่าแน่ใจนะว่าจะผ่า หลังผ่าชีวิตเราจะเปลี่ยนไปนะยังไงบ้าง อยากดูห้องผ่าตัดมั้ย ห้องพักเป็นแบบไหน ด้วยความที่โรงพยาบาลมีขนาดเล็กกว่าที่อื่น บางคนมองเป็นข้อเสีย แต่สำหรับเรา     เรารู้สึกว่าเขาสามารถบริการเราได้อย่างทั่วถึงแน่นอน และเก็บรายละเอียดในการให้บริการหรือดูแลคนไข้ได้ดีกว่าที่อื่นที่เราดูไว้ เราเลยตัดสินใจทำกับที่นี่ด้วยประการทั้งปวง หลังจากนั้นวันที่เราไป consult กับแพทย์ เราก็ไม่เคยไปโรงพยาบาลอีกเลยจนกระทั่งวันผ่า ในระหว่างนั้นก็ติดต่อกับพี่พนักงานเพื่อจะนัดวันผ่า ถ้าถามว่าวันนั้นต้องเตรียมอะไรไป อย่างแรกเลยคือ หน้าอกที่จะให้หมอผ่า แฮร่! ล้อเล่น! ของที่ต้องเตรียมมีอย่างเดียวคือ เสื้อผ้าสำหรับวันกลับ พวกเครื่องอาบน้ำทั้งหมด เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ ทางโรงพยาบาลมีให้หมด ไปแค่ตัวจริงๆ การผ่าตัดหน้าอกจะเหมือนการผ่าตัดใหญ่ทั่วไปเลยคือ ก่อนผ่างดอาหาร 10 ชม. และงดน้ำดื่มอย่างน้อย 3 ชม. เพราะแบบนี้ก่อนผ่าตัดเราไม่รู้สึกตื่นเต้นเลย รู้สึกอย่างเดียวคือ หิว หิวมาก หิวไม่ไหวแล้วจริงๆ

 

 

 

 

จากคัพ D สู่เฟิร์สบรา - โบ อสิดากาญจน์ ตันติไพบูลย์วงศ์

          *สาระ* ในวันผ่าตัด เราเดินทางไปถึงโรงพยาบาลประมาณ 10 โมงเช้า พยาบาลก็ทำการตรวจปอด เลือด และถามคำถามเพื่อเช็คว่าเรามีโรคอะไรไหมก่อนเข้ารับการผ่าตัด จากนั้นก็ไปยังห้องพักผู้ป่วย (ห้องที่เราจะนอนหลังผ่านั้นแหละ) เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า รอขึ้นเขียงผ่าตอนบ่ายสาม ถึงเวลาพยาบาลจะเข้ามารับตัวเพื่อไปยังห้องผ่าตัดอีกชั้นนึง ขั้นตอนนี้ญาติสามารถเดินไปส่งด้วยได้นะ ครอบครัวเราก็เดินไปส่งถึงหน้าห้องผ่าตัดเลย ความทรงจำสุดท้ายก่อนผ่าตัดคือคุณหมอให้หายใจเข้าออกนับเลขในใจแล้วภาพก็ตัด รู้ตัวอีกทีคืออยู่ที่ห้องพักพื้นแล้วหลังผ่าตัด ระยะเวลาผ่าอยู่ที่ 3-4 ชั่วโมงนะ รวมพักรอยาสลบหมดฤทธิ์ที่ห้องสังเกตุอาการรวมแล้วอยู่ที่ 6-8 ชั่วโมง 

 

 

วันที่ 2 หลังผ่าตัดศัลยกรรมผ่าตัดหน้าอกหญิงเป็นชาย

          หลังจากนั้นจะมีพยาบาลส่งตัวเรากลับมายังห้องพักผู้ป่วยอีกทีพร้อมสายเดรนเลือดที่บริเวณใต้หน้าอกทั้งสองข้าง และก็ท่อปัสสาวะที่เขาต่อให้ตอนเราหลับอยู่หลังจากฟื้นก็จะยังเมายาสลบจะฟื้นจริงๆอีกทีคือ วันที่ 2 หรือ อีกวันเลย ซึ่งเราจะทำอะไรไม่ได้แทบจะทั้งหมด จำเป็นต้องมีคนเฝ้าคอยช่วยเหลือ แต่โดยรวมแผลหลังการผ่าตัดไม่เจ็บมาก และไม่มีอาการปวดอย่างที่คิดไว้ ในช่วง3-4 วันนี้พยาบาลจะเป็นคนคอยดูแลทั้งหมด เช็ดตัว ทานยา อาหารการกินทั้งหมด ปริมาณเลือดเดรน เช็คไข้ตลอดทุกๆ 4-6 ชม. ความดันโลหิต รวมถึงทำแผลตอนเปิดแผลตื่นเต้นมาก เพราะว่ากลัวว่าแผลไม่สวย ไหนจะความเสี่ยงที่หัวนมหรือปานนมจะไม่ติดก็มีอีก ส่วนตัวแล้วขอบอกว่าแผลเป็นที่น่าพอใจมากจริงๆเส้นไหมที่ใช้เย็บแผลเล็กมากจนประทับใจ แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นบริเวณปานนมทำให้ยังคงกังวลอยู่

 

 

 

โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล

          วันที่ 3 หลังการผ่าตัดซึ่งเป็นวันกำหนดออกจากโรงพยาบาล หมอจะเข้ามาทำการเช็คแผลว่าเดรนเลือดออกหมดมั้ย เอาสายเดรนออกได้หรือยัง ซึ่งในขั้นตอนนี้หากใครอยากกลับบ้านจริงๆแต่ยังเดรนเลือดออกไม่หมดก็สามารถกลับบ้านพร้อมสายเดรนเลือดได้ โดยส่วนตัวแล้วเราไม่อยากรับความเสี่ยงในการนำสายเดรนเลือดกลับบ้านด้วยเพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย หากดูแลไม่ถูกวิธี แต่ในเคสเราถือว่าโชคดีมากที่เลือดได้ถูกเดรนออกจนสามารถนำสายเดรนออกได้(แสบมากในขั้นตอนนี้) จากนั้นหมอจะจ่ายยาสำคัญให้ไปทานสามตัว พร้อมทั้งยาแก้ปวดในกรณีที่ปวดแผลมาก ซึ่งเราไม่ได้ใช้เลย เรียบร้อยก็เปลี่ยนชุดเดินทางกลับบ้าน หลังจากกลับมาอยู่ที่บ้านภาระการดูแลน้องสาวเราเป็นคนช่วยทั้งหมดถ้าไม่มีน้องนี่ท่าจะไม่ไหว แนะนำจริงๆให้มีคนไปด้วย ขั้นตอนการทำแผลดูแลแผลมีผลมากกับรอยแผลเป็นในอนาคต 

 

 

 

วันที่ 10 หลังผ่าตัดศัลยกรรมผ่าตัดหน้าอกหญิงเป็นชาย

          (7วันต่อมา…) วันตัดไหมก็มาถึง รวมถึงการเปิดกราฟ หรือเปิดปานนมดูว่าปานนมนั้นติดดีหรือไม่ เราทั้งกังวลว่าปานนมจะไม่ติด ทั้งปานนมจะเปลี่ยนสี และกรณีที่ผิดรูปร่าง ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นความเสี่ยงจากการผ่าตัดทั้งสิ้น ผลปรากฏว่า...ปานนมติดดีค่าาา โล่งใจไปเปิดมาคำแรกพยาบาลบอกว่าไม่ดำนะคะ แผลสวยมาก ขออนุญาตยกความดีให้น้องสาวผู้ที่ดูแล    ปรนนิบัติเรามาตลอด ทีนี้ก็ดูแลแผลต่อไม่ให้โดนน้ำอีกจนกว่าแผลสมานดี ไม่แสบนั่นแหละ จากนั้นก็อาบน้ำได้ เราอาบไม่บ่อยส่วนมากอยู่แต่ห้องแอร์ ครบหนึ่งเดือนก็เช็คแผลเป็นอันเรียบร้อย ร่างกายสามารถออกกำลังได้บ้าง แต่ถ้า full function จะต้องรออีกหนึ่งเดือน หรือสองเดือนหลังผ่าตัด

 

 

 

ผลการการผ่าตัดศัลยกรรมผ่าตัดหน้าอกหญิงเป็นชาย

          ตอนนี้แผลสวยมาก เราพอใจกับการผ่าตัดมาก และต้องการมาเขียนรีวิวเพื่อเป็นแนวทางให้กับเพื่อนๆ พี่ๆ หรือ น้องๆ ที่สนใจการผ่าตัดเหมือนเรา เพื่อเป็นข้อมูลและแนวทางในการตัดสินใจในการผ่าตัด ถ้าหากอยากสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงพยาบาลหรือเทคนิคการผ่าสามารถติดต่อมาที่เฟสบุ๊คของโบว์หรือแฟนเพจของโรงพยาบาลได้เลย
ถ้าหากใครต้องการในส่วนของภาพเพิ่มเติมทั้ง แผล การผ่า เทคนิค และ พาร์ทคลีนิค รบกวนกดไลค์เพื่อให้เรารู้หน่อย แล้วเราจะทำคลิปหรือโพสต์เพิ่มเติมในส่วนนั้น เราขอขอบคุณ ขอบคุณพ่อแม่ที่เข้าใจ ขอบคุณน้องที่ดูแล และ ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ หวังว่าเคสของเราจะสามารถช่วยเหลือคนอื่นไม่มากก็น้อย

 

 

 

 

จากคัพ D สู่เฟิร์สบรา - โบ อสิดากาญจน์ ตันติไพบูลย์วงศ์