ศัลยกรรมหน้า / ปรับรูปหน้า

         การมีรูปร่างหน้าตาดี โครงหน้าสวยงาม ใบหน้าดูมีเสน่ห์  แก่ผู้พบเห็นมาแต่กำเนิด  เป็นสิ่งที่ปรารถนาของทุกๆ คน     แต่… คนเราเลือกเกิดไม่ได้หรือคัดเลือกหน้าตาให้ตัวเองไม่ได้  การจะมีหน้าตาเช่นไรนั้นขึ้นอยู่กับ  ยีนส์ หรือกรรมพันธุ์ที่ได้รับมา   การได้รับยา  สารเคมี  หรือรังสี ที่มีผลต่อการการเปลี่ยนของยีนส์ระหว่างอยู่ในครรภ์   สุขภาพกาย และใจของมารดา ระหว่างตั้งครรภ์ เป็นต้น ทำให้เกิดมาแล้วหน้าตาไม่ครบองค์ประกอบ  หรือมีความผิดปกติบนใบหน้า   

         การทำศัลยกรรมหน้าและการทำศัลยกรรมปรับรูปหน้า สามารถช่วยแก้ไขปรับรูปหน้า  ปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดีขึ้น  มีความสวยงาม ได้สัดส่วน (Proportions) ของใบหน้า  มีความสมดุล (Balance) มากขึ้น ขณะเดียวกัน  การทำศัลยกรรมตกแต่งหน้าผาก จมูก โหนกแก้ม กราม คางและปาก สามารถช่วยเพิ่มมิติให้ใบหน้า สวยงามมีเสน่ห์ น่ามองมากยิ่งขึ้น 

การพิจารณาสัดส่วนของใบหน้า (Facial Proportions)

          การพิจารณาสัดส่วนของใบหน้า (Facial Proportions) โดยแบ่งใบหน้าจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กันตั้งแต่ไรผมถึงปลายคาง และแบ่งใบหน้าจากขอบใบหน้าด้านซ้ายถึงขอบใบหน้าด้านขวา ออกเป็น 5 ส่วนเท่า ๆ กัน การแบ่งใบหน้าจากไรผมถึงปลายคาง ออกเป็น 3 ส่วน เท่า ๆกันดังนี้

     1. ส่วนบน ( Upper Part ) เริ่มตั้งแต่แนวเส้นระดับไรผมถึงแนวเส้นหว่างคิ้ว
     2. ส่วนกลาง ( Middle Part ) เริ่มตั้งแต่แนวเส้นระดับหว่างคิ้วถึงแนวเส้นปลายจมูก
     3. ส่วนล่าง ( Lower Part ) เริ่มตั้งแต่แนวเส้นปลายจมูกถึงแนวเส้นปลายคาง

ภาพที่ 1. แสดงสัดส่วนใบหน้าในแนวขวาง (Horizontal lines) และแนวตั้ง (Vertical lines) 

          ศัลยแพทย์ตกแต่ง จะพิจารณาใบหน้าจาก 3 ส่วนนี้ เพื่อ ประกอบการตัดสินใจปรับรูปหน้าให้ได้รูปลักษณ์ที่สวยงาม สมดุล ได้มิติ ความโค้ง นูน ของหน้าผาก จมูก มุมปาก และคาง ความเป็นศิลปินของศัลยแพทย์ตกแต่ง จะมีมุมมองที่แตกต่างก้นไป ความสวยงามก็จะแตกต่างกันไปด้วย

1. ศัลยกรรมปรับรูปหน้าส่วนบน ( Upper Part )

• ศัลยกรรม ปลูกผม (Hair transplant)  see more
• ดึงไรผม (Hairline lowering) see more
• ดึงคิ้ว ยกหางติ้ว หางตา (Eyebrow lift) see more
• กรอหน้าผาก (Forehead shaving) ยุบหน้าผาก (Forehead Contouring type III) see more
• เสริมหน้าผาก (Forehead augmentation) see more 

ภาพที่ 2. แสดงศัลยกรรมหน้าส่วนบน (Upper Part)

2. ศัลยกรรมปรับรูปหน้าส่วนกลาง (Middle Part)

การศัลยกรรมโครงหน้าส่วนกลาง ประกอบด้วย

• ทำตาบน ตาล่าง ตาสองชั้น (Blephaloplasty) see more
• ศัลยกรรมจมูก เสริมจมูก ( Nose Implant )  see more 
• ยุบจมูก ทุบจมูก ปรับแต่งจมูก ( Revision Rhinoplasty)  see more
• ตัดโหนกแก้ม (Cheekbone Reduction)  ยุบโหนกแก้ม (Zygonatic Reduction)  see more 
• เสริมโหนกแก้ม (Cheekbone Augmentation) see more

ภาพที่ 3. แสดงศัลยกรรมหน้าส่วนกลาง (Middle Part)

3. ศัลยกรรมหน้าส่วนล่าง (Lower Part)

การศัลยกรรมโครงหน้าส่วนล่าง ประกอบด้วย

• ตัดปาก (Lips Reduction) เสริมปาก (Lips Augmentation)  see more
• ตัดคาง (Chin Reduction)  see more 
• เสริมคาง (Chin Augmentation) see more
• ตัดกราม (Jaws Reduction) see more 
• เสริมกราม(Jaws Augmentation)  see more

ภาพที่ 4. แสดงศัลยกรรมหน้าส่วนล่าง (Lower Part)

การเตรียมตัวก่อนศัลยกรรมหน้า / ปรับรูปหน้า

1. ปรึกษากับศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์สูง ด้านผ่าตัดปรับรูปหน้า  เพราะการผ่าตัดปรับโครงกระดูกหน้ามีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง ต้องใช้ประสบการณ์และความชำนาญสูง ต้องวางแผนการผ่าตัดแต่ละอย่างพร้อมๆกัน

2. ตรวจสุขภาพ ตรวจเลือด เอ็กเรย์ปอด และ ทำ CT scan ใบหน้าให้พร้อมเพื่อศัลยแพทย์จะได้วางแผนเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับคนไข้ และเตรียมพร้อมที่จะต้องดมยาสลบหยุดฮอร์โมน  1-2 อาทิตย์

3. หยุดยาจำพวกแอสไพริน ยาลดอาการอักเสบ หรือสมุนไพร ที่อาจจะทำให้เลือดออกผิดปกติ หยุดยาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือตามแพทย์สั่ง

4. หยุดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อลดโอกาสเกิดเลือดไปเลี้ยงแผลไม่ดี

5. ในกรณีที่ต้องดมยาสลบให้งดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัด 6 ชั่วโมง

การดูแลหลังศัลยกรรมหน้า / ปรับรูปหน้า

• นอนหมอนสูงสองใบ หรือ ครึ่งนั่งครึ่งนอนเพื่อช่วยในการยุบบวมเร็วขึ้น
• ในกรณีมีแผลผ่าตัดในปาก ให้ใช้น้ำยาบ้วนปากบ่อยๆเพื่อให้ในปากชุ่มชื้นและฆ่าเชื้อโรค
• ใช้ผ้ารัดหน้าที่โรงพยาบาลให้เพื่อช่วยในการยุบบวม 2-3 อาทิตย์
• ทำแผลให้สะอาดทุกวัน ไม่ให้มีคราบเลือดเกาะ สระผมได้หลังผ่าตัด 2  วัน
•  7 วันตัดไหม สามารถกลับไปทำงานได้หลังผ่าตัด 2 อาทิตย์
• งดออกกำลังกายอย่างหักโหม  1 เดือน
• มาพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง

ความเสี่ยง และภาวะแทรกซ้อน หลังศัลยกรรมหน้า / ปรับรูปหน้า

• ติดเชื้อ (Infection) จากแผล หรือจาก วัสดุที่ใช้เสริม
• อาการชา (Numbness) จากบริเวณแผลผ่าตัด หรือใกล้เคียง
• บวม (Edema)
• เลือดคั่ง (Hematoma)
• ปวดแผล (Pain) อาจจะต้องให้ยาแก้ปวด หรือประคบน้ำแข็ง
• แผลช้ำเขียว (Bruising)
• เส้นประสาทฉีกขาด (Nerve damage) อาจจะเสียหายไปชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
• อาจจะมีใบหน้า หรือองค์ประกอบบนใบหน้าไม่สมดุล (Asymmetry)
• เลือดออก ( Bleeding )
• ร่างกายอาจจะไม่ยอมรับ วัสดุที่ใช้เสริม (Implant failure)  อาจจะต้องเอาออก
• แผลหายช้า (Poor healing)
• เนื้อตาย (Necrosis)
• แผลเป็น (Scarring)