• โทร: 02 559 0155

ปากกระจับ / ศัลยกรรมปาก

          “ปากกระจับ” เป็นสัญลักษณ์ความสวยงามทางเพศ ที่สามารถมองเห็นได้ทันทีบนใบหน้า เวลาเผยอริมฝีปากจะรู้สึกมีชีวิตชีวา เซ็กซี่ มีเสน่ห์ เย้ายวนแก่ผู้พบเห็น    ปากต้องอวบอิ่ม มีขอบ มีหยัก มุมปากทั้งสองข้างต้องมีลักษณะตรง หรือช้อนขึ้นเล็กน้อย และรูปทรง มีขนาดเหมาะสมกับใบหน้า จะต้องมีสีอมชมพู มีความชุ่มชื้น และมีประกายสดใสเป็นธรรมชาติตลอดเวลา 

Anatomy of the Lips

รูปที่ 1 แสดงโครงสร้าง องค์ประกอบของปาก

 

         “ศัลยกรรมปาก” เป็นการผ่าตัด ปรับปรุงแก้ไขรูปทรงปากให้เหมาะสมกับใบหน้า โดยส่วนใหญ่ต้องการผ่าตัดแก้ไข   ปากหนา ปากบาง ปากคว่ำ ปากห้อย ปากไม่ได้รูป ให้ได้รูปทรงที่สวยงามมากขึ้น ขณะเดียวกันการศัลยกรรมปากยังเกี่ยวข้องกับรอยยิ้ม การเผยอปาก และ การสนทนาอย่าง มีชิวิตชีวาการศัลยกรรมปาก และสิ่งที่เกี่ยวข้องกับปาก มีรายละเอียดดังนี้

  1. ศัลยกรรม ปากบาง
  2. ศัลยกรรม ปากกระจับ
  3. ศัลยกรรม ยกริมฝีปาก 
  4. ผ่าตัด เสริมขอบปาก
  5. ผ่าตัดเสริม ร่องปาก
  6. ศัลยกรรม เสริมริมฝีปาก
  7. ศัลยกรรม ยกมุมปาก
  8. ทำลักยิ้มหรือแก้มบุ๋ม

 

 1. ศัลยกรรมปากบาง / ทำปากบาง (Lips Reduction)

          เป็นการผ่าตัด เพื่อลดขนาดริมฝีปากบนหรือล่างที่หนาให้บางลงให้ได้รูป อาจจะลดขนาดเฉพาะริมฝีปากบนหรือริมฝีปากล่าง หรือทั้งคู่ก็ได้  ลักษณะของแผล จะอยู่ในริมฝีปาก เย็บด้วยไหมละลาย ประมาณ 7-10 วัน ไหมจะหลุดออกไปเอง ถ้ายังหลุดไม่หมด สามารถตัดออกได้ ดังรูปที่ 2

แสดง ตำแหน่งแผลศัลยกรรมปากบางแสดง ตำแหน่งแผลศัลยกรรมปากบาง

รูปที 2. แสดง ตำแหน่งแผลศัลยกรรมปากบาง

 

2. ศัลยกรรมปากกระจับ (Horn chestnut-shaped lips )

          คือการผ่าตัดตกแต่งริมปากบนให้ดูเรียว สมดุลกับรูปหน้า โดยขอบล่างของริมฝีปากบน ด้านข้างโค้งเว้าขึ้น ส่วนกลางนูนลงมาคล้ายคันศร ริมฝีปากบนดูเชิดขึ้น มองเห็นฟันบนเล็กน้อยเหมือนเผยอนิดๆตลอดเวลา ทำให้ดูเซ็กซี่

          รูปทรงริมฝีปากบนอาจมีขนาดความเรียวแหลมหรือมนของส่วนกลางขึ้นกับความเหมาะสมกับริมฝีปากเดิม  และรูปหน้าของแต่ละบุคคล ดังรูปที่ 3

 

ขั้นตอนการทำปากกระจับ

  • ศัลยแพทย์จะออกแบบริมฝีปากบนให้เป็นรูปกระจับ โดยทำให้ขอบปากบนด้านข้างบางและตรงกลางเป็นติ่งเนื้อห้อยลงมา และเผยอขึ้นเล็กน้อย แล้ววาดแนวริมฝีปากล่าง
  • ฉีดยาชาเฉพาะที่ ในบริเวณที่ต้องการ
  • กรีดแผลบริเวณตามแนวที่กำหนดไว้แล้วตัดเนื้อริมฝีปากออกบางส่วน ให้เป็นรูปปากที่กระจับ
  • เย็บปิดแผลด้วยไหมละลาย

 

ทำปากกระจับเจ็บไหม / มีการดูแลแผลหลังทำปากกระจับอย่างไร

         หลังการทำศัลยกรรมปากกระจับ แผลจะบวม ตึงประมาณ 2-3 วัน เจ็บเล็กน้อยพอทนได้ แต่อาจจะรู้สึกไม่สบายปากในการพูดหรือ รับประทานอาหาร  ต้องพักผ่อนเก็บตัว 2-3 วันจะยุบบวมดีขึ้น สามารถกลับไปทำงานได้หลังผ่าตัด 4-5 วัน อาจจะต้องปิด แมสประมาณ 1-2 อาทิตย์ และจะเข้าที่ใกล้เคียงปกติ ประมาณ 1 เดือนหลังผ่าตัด จะต้องดื่มน้ำบ่อยๆ และใช้น้ำยาบ้วนปากเพื่อให้ในปาก ชุ่มชื้น หลังผ่าตัด 7 – 10 วันถ้าไหมละลายไม่หมดให้กลับมาตัดไหมออก แล้ว ทาวาสลินที่ริมฝีปากเพื่อป้องกันริมฝีปากแห้ง

 

ภาพแสดงการศัลยกรรมผ่าตัดปากกระจับภาพแสดงการศัลยกรรมผ่าตัดปากกระจับ

รูปที่ 3.  ภาพแสดงการศัลยกรรมปากกระจับ

 

3. ศัลยกรรมยกริมฝีปาก  (Upper Lip Lift)     

            ริมฝีปากบนที่ดูเซ็กซี่และอ่อนเยาว์นั้น ริมฝีปากบนจะต้องยก  เห็นฟันบนเล็กน้อยในกรณีที่ริมฝีปากบนที่ตกลงมาปิดฟันบนจนหมด เวลายิ้ม หรือเวลาพูดจะไม่เห็นฟันบน และเห็นแต่ฟันล่าง ทำให้สัดส่วนระหว่างปลายจมูกและปากบนยาวเกินไป ทำให้ยิ้มไม่สวย การยกริมฝีปากบน การทำให้ระยะระหว่างปลายจมูกและริมฝีปากบนสั้นลง  มี 2 วิธี

3.1 ตัดหนังส่วนเกินบริเวณใต้ฐานจมูก (Sub nasal incision) โดยการกรีดแผลบริเวณฐานจมูกประมาณ 5-7 มิลลิเมตร โดยตัดโค้งไปตามรูปร่างของปีกจมูกข้างหนึ่ง ไปปีกจมูกอีกข้างหนึ่ง หลังจากนั้นจะเย็บดึงผิวหนังและกล้ามเนื้อใต้รูจมูกขึ้นไป โดยจะทำให้ริมฝีปากบนอยู่สูงกว่าขอบฟังบนประมาณ 3-4 มิลลิเมตร (ดังรูปที่ 4 )

แสดงการศัลยกรรมยกริมฝีปากบน  แบบตัดหนังส่วนเกินบริเวณใต้ฐานจมูกแสดงการศัลยกรรมยกริมฝีปากบน  แบบตัดหนังส่วนเกินบริเวณใต้ฐานจมูก

รูปที่ 4. แสดงการศัลยกรรมยกริมฝีปากบน  แบบตัดหนังส่วนเกินบริเวณใต้ฐานจมูก

 

3.2 ศัลยกรรมยกริมฝีปาก  แบบแผลขอบปาก (Direct lip lift) แผลอยู่ที่ขอบริมฝีปากบน ดังรูปที่ 5

ภาพแสดงการศัลยกรรม ยกริมฝีปากบน แผลอยู่ที่ขอบปากภาพแสดงการศัลยกรรม ยกริมฝีปากบน แผลอยู่ที่ขอบปาก

รูปที่ 5.  ภาพแสดงการศัลยกรรมยกริมฝีปากบน แผลอยู่ที่ขอบปาก

 

4. ผ่าตัดเสริมริมขอบปาก (Cupid Bow Enhancement)

            คือการผ่าตัดยกขอบริมฝีปากบนให้ดูโดดเด่นชัดเจน ขอบปากบนจะโดดเด่นขึ้น โดยการเสริมเนื้อเยื่อ (Acellular dermal matrix) เข้าไปใต้ผิวหนังด้วยการทำแผลเล็กๆ 4 ตำแหน่ง แล้วสอดแผ่นเนื้อเยื่อเข้าไปใต้ผิวหนัง (ตามรูป 6)

แสดงการผ่าตัดเสริมริมฝีปากบน  แผลอยู่ที่ขอบริมฝีปากบนแสดงการผ่าตัดเสริมริมฝีปากบน  แผลอยู่ที่ขอบริมฝีปากบน

รูปที่ 6. ภาพแสดงการผ่าตัดเสริมริมฝีปากบน

 

5. ผ่าตัดเสริมร่องปาก (Phitrum enhancement)

            คือการผ่าตัดเสริมสันกลางร่องปากให้ดูเป็นขอบชัดเจน และขอบปากบนดูโดดเด่นมีมิติ ไม่แบนราบ มีวิธีการผ่าตัด2 วิธี คือ

5.1 แบบกรีดแผลบริเวณฐานจมูกด้านใน (V-shave scar) โดยการกรีดแผลบริเวณฐานจมูกด้านในเป็นรูปตัว V ตัดผิดหนังออกบางส่วนมีความกว้างประมาณ 2-3 mm เมื่อเย็บแผลแล้วจะทำให้แนวสันและร่องกลางริมฝีปากดูชัดขึ้น (ดังรูปที่7)

แสดงการผ่าตัดเสริมสันกลางจมูก แบบกรีดแผลบริเวณฐานจมูกด้านในแสดงการผ่าตัดเสริมสันกลางจมูก แบบกรีดแผลบริเวณฐานจมูกด้านใน

รูปที่ 7. แสดงการผ่าตัดเสริมร่องปาก แบบกรีดแผลบริเวณฐานจมูกด้านใน

 

5.2 เสริมแนวสันร่องปากด้วยเนื้อเยื่อ (Philtrum augmentation) โดยการกรีดแผลเล็กๆบริเวณด้านบนและด้านล่างตามแนวขอบร่องปาก แล้วร้อยแผ่นเนื้อเยื่อใว้ใต้ผิวหนัง เย็บแผลด้วยไหมเส้นเล็ก(ดังรูปที่8)

 

แสดงการผ่าตัดเสริมสันกลางจมูก  แบบเสริมแนวสันร่องปากด้วยเนื้อเยื่อแสดงการผ่าตัดเสริมสันกลางจมูก  แบบเสริมแนวสันร่องปากด้วยเนื้อเยื่อ

รูปที่ 8. แสดงการผ่าตัดเสริมร่องปาก  แบบเสริมแนวสันร่องปากด้วยเนื้อเยื่อ

 

6. ศัลยกรรมเสริมริมฝีปาก (Lips Enhancement)

            เพื่อปรับรูปร่างริมฝีปากบนหรือล่างที่บางเกินไป ให้ดูอวบอิ่ม และได้รูปทรงที่สวยงาม การเสริมริมฝีปากมีหลายวิธีดังนี้

6.1 การเสริมให้ริมฝีปากอวบอิ่มด้วย PRP, PRP หรือ Platelet Rich Plasma, เป็นนวัตกรรมใหม่ในการเพิ่มหรือเสริมริมฝีปาก และบริเวณโดยรอบ ให้อวบอิ่มเป็มไปด้วย คอลลาเจน  และ กระตุ้น การสร้างกล้ามเนื้อด้วยการฟื้นฟูเส้นเลือดและเส้นประสาทเทคนิคนี้ ทำโดยนำเลือดของคนไข้ประมาณ 5-8  cc. , มาปั่นแยก เอาเฉพาะ PRPที่บริสุทธ์แล้วฉีดเข้าไปในพื้นที่โดยรอบริมฝีปาก ประมาณ 3 คร้ง ภายใน 90 วัน จะเห็นผลว่าริมฝีปากอูมอิ่มขึ้น ริ้วรอยบริเวณนี้จะดูตื้นขึ้น และจางหายไปบางส่วน

 

6.2 การเสริมริมฝีปากโดยการฉีดฟิลเลอร์  เป็นวิธีที่นิยม เนื่องจากไม่ได้ต้องเปิดแผล จึงไม่มีรอบเย็บ และไม่ต้องฉีดยาชา ชึ่งสารฟิลเลอร์ที่นิยมใช้เป็นสารฟิลเลอร์ในกลุ่ม  Hyaluronic  acid คือ Restylane®, JuvedermTM โดยปกติแล้ว ฟิลเลอร์ที่เติมไปจะค่อยๆ สลายไป จะคงอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน หลังจากนั้นจะต้องไปฉีดใหม่ เนื่องจากสารฟิลเลอร์นั้นได้สลายหมดไป(ดังรูปที่9)

ภาพแสดงการผ่าตัดเสริมการเสริมริมฝีปากโดยการฉีดฟิลเลอร์ภาพแสดงการผ่าตัดเสริมการเสริมริมฝีปากโดยการฉีดฟิลเลอร์

รูปที่ 9.  ภาพแสดงการผ่าตัดเสริมการเสริมริมฝีปากโดยการฉีดฟิลเลอร์

 

ข้อดี คือ ทำได้ง่าย ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนาน และมีโอกาสช้ำเขียวได้น้อย

ข้อเสีย คือ จะต้องไปฉีดซ้ำบ่อยๆ ทำให้สิ้นเปลืองเวลาและค่าใช้จ่าย และมีโอกาสแพ้สาร Hyaluronic acid ได้

 

6.3  การเสริมริมฝีปากด้วยแผ่นเนื้อเยื่อ (Acellular dermal matrix) เป็นที่นิยมมากในการเสริมริมฝีปากให้อวบอิ่ม สามารถเพิ่มขนาด และรูปทรงของริมฝีปากให้งดงามอย่างธรรมชาติ Acellular dermal matrix เป็นวัสดุที่ทำมาจากธรรมชาติ โดยเป็นชั้นของผิวหนังบางๆ ที่ผ่านกระบวนการนำ Cell, Antigen และ Antibody ออก ซึ่งจะไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านเนื้อเยื่อออกจากร่างกาย จึงไม่ทำให้เกิดการแพ้ โดยจะเหลือแต่โครงตาข่ายของโปรตีน และคอลลาเจน การผ่าตัดจะใช้เพียงยาชาเฉพาะที่ และมีรอยแผลดังภาพ ไหมที่เย็บจะมีเพียงแค่ 2 จุดเท่านั้น โอกาสที่จะเกิดอาการบวมช้ำมีน้อยมาก และสามารถคงรูปร่างได้มากกว่า 5 ปี (ดังรูปที่10)

ภาพแสดงการผ่าตัดเสริมริมฝีปากด้วยแผ่นเนื้อเยื่อ (Acellular dermal matrix)ภาพแสดงการผ่าตัดเสริมริมฝีปากด้วยแผ่นเนื้อเยื่อ (Acellular dermal matrix)

รูปที่ 10.  ภาพแสดงการผ่าตัดเสริมริมฝีปากด้วยแผ่นเนื้อเยื่อ (Acellular dermal matrix)

 

6.4 การเสริมริมฝีปากโดยฉีดไขมันตัวเอง (Fat Graft)  เป็นการดูดเอาไขมันมาจากส่วนอื่นของร่ายกาย เช่น หน้าท้อง ใต้ท้องแขน มาปั่นแยกเอาเฉพาะไขมันมาฉีดใส่ที่ปาก เพื่อให้ปากอูมอิ่ม (ดังรูป 11)

 

ข้อดี เป็นเนื้อเยื่อจากร่างกายของเราเอง

ข้อเสีย เกิดการสลายของไขมันที่เราฉีดเข้าไป อาจจะหายไป/ บางส่วน ทำให้รูปทรงของปากไม่สมดุลได้ ส่วนใหญ่ต้องเติมไขมันอีก 1-2 ครั้ง จึงจะได้รูปทรงที่คงตัว

ภาพแสดงการผ่าตัดเสริมริมฝีปากโดยฉีดไขมันตัวเองภาพแสดงการผ่าตัดเสริมริมฝีปากโดยฉีดไขมันตัวเอง

รูปที่ 11.  ภาพแสดงการผ่าตัดเสริมริมฝีปากโดยฉีดไขมันตัวเอง

 

7.  ศัลยกรรมยกมุมปาก  (Corner Lip Lift)

            มุมปากตกมักจะเกิดจาก ความเหี่ยวย่นของใบหน้าและรอบๆมุมปาก ทำให้มุมปากตกลงกว่าเดิม และมักจะมีน้ำลายไหลออกมาที่มุมปาก  ส่วนปากคว่ำ มักจะเป็นรูปทรงของปากมาแต่กำเนิด  การผ่าตัดยกมุมปาก  โดยการผ่าตัดเป็นแผลเล็กๆที่มุมปากด้านใน แล้วเย็บกล้ามเนื้อด้านในให้กระชับขึ้น แล้วเย็บแผลด้านนอกด้วยไหมละลาย มุมปากยกขึ้นเหมือนปากมีรอยยิ้มเล็กน้อย (ดังรูป 12)

ภาพแสดงการผ่าตัด แก้ไขมุมปากตก หรือปากคว่ำภาพแสดงการผ่าตัด แก้ไขมุมปากตก หรือปากคว่ำ

รูปที่ 12.  ภาพแสดงการศัลยกรรมยกมุมปาก

 

8. การผ่าตัดทำลักยิ้มหรือแก้มบุ๋ม

            ลักยิ้มเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้ใบหน้าดูมีเสน่ห์ น่ารักชวนมอง และทำให้ใบหน้าดูมีสัดส่วนสมดุลย์ ไม่ดูใหญ่เกินไป การผ่าตัดลักยิ้มทำได้โดยการกำหนดตำแหน่งบริเวณผิวหนัง ห่างจากเส้นร่องแก้มและเฉียงขึ้นเล็กน้อย รูปทรงของลักยิ้มเป็นแบบจุดหรือแบบรอยขีด หลังจากนั้นจึงฉีดยาชา แล้วกรีดแผลเล็กๆภายในปาก ใช้ไหมร้อยจากด้านในปากออกมาที่ผิวหนังแล้วร้อยกลับเข้าไปผูกฝังปมใว้ด้านใน แล้วเย็บปิดแผลด้านในด้วยไหมละลาย  ดังรูปที่ 13

การดูแลรักษาแผลหลังผ่าตัดลักยิ้ม

  1. รักษาความสะอาดแผลในปากด้วยการดื่มเฉพาะน้ำและน้ำหวานในวันแรกหลังผ่าตัด จากนั้นรับประทานอาหารอ่อนและบ้วนน้ำบ่อยๆ อาจใช้น้ำยาบ้วนปากเพื่อลดจำนวนเชื้อแบคทีเรียในช่องปากในช่วง 2 สัปดาห์แรก
  2. หลังผ่าตัด 3 วัน สามารถแปรงฟันได้
  3. งดการเคี้ยวอาหารแข็งหรือเหนียว และลดการพูดในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก เพื่อป้องกันไม่ให้ปมไหมคลายตัว

ภาพแสดงการผ่าตัดทำลักยิ้มหรือแก้มบุ๋มภาพแสดงการผ่าตัดทำลักยิ้มหรือแก้มบุ๋ม

รูปที่ 13.  ภาพแสดงการผ่าตัดทำลักยิ้มหรือแก้มบุ๋ม

 

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

  • ปรึกษาศัลยแพทย์ เพื่อความมั่นใจ ว่าเราเหมาะสมที่จะทำรวมทั้งผลการผ่าตัด ความเสี่ยงต่างๆของเรา
  • เช็คสุขภาพเบื้องต้น เนื่องจาก เป็นการผ่าตัด ด้วยยาชา ความเสี่ยงค่อนข้างน้อย หรือดมยาสลบต้องไม่มีโรคใดๆที่มีผลต่อการผ่าตัด
  • หยุดยา สมุนไพร หรือ วิตามินที่มีผลต่อการไหลของเลือด ก่อนการผ่าตัด 2อาทิตย์
  • หยุดสูบบุหรี่ก่อนผ่าตัด 2 อาทิตย์

 

การดูแลหลังผ่าตัด ศัลยกรรมปาก

ปากเป็นส่วนที่ไวต่อการสัมผัสมากที่สุดของร่างกาย  หลังการผ่าตัดริมฝีปากปากอาจจะมีอาการดังต่อไปนี้

  • แผลผ่าตัดแดง
  • มีอาการบวมที่แผลผ่าตัด
  • ปวดเล็กน้อยบริเวณแผล  2-3 วันแรกหลังการผ่าตัด
  • อาจจะมีอาการชาที่ริมฝีปากได้
  • ช้ำเขียว
  • เลือดคั่ง
  • แผลสมานช้า
  • ริมฝีปากอาจไม่เท่ากัน ในบางกรณีอาจจะต้องแก้ไข
  • ด้วยการผ่าตัดครั้งที่สอง
  • ผลข้างเคียงอื่นๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้แต่น้อยมากได้แก่ การติดเชื้อ   มีแผลเป็น  เลือดออกบริเวณแผลผ่าตัด เกิดการบวมอย่างรุนแรง

 

การพักฟื้น หลังการศัลยกรรมปาก

           การผ่าตัดริมฝีปาก เป็นการผ่าตัดไม่ซับซ้อน ผ่าตัดโดยใช้ยาชาและหลังผ่าตัดสามารถกลับบ้านได้เลยและจะฟื้นตัวเร็วกว่าการทำศัลยกรรมความงามอื่นๆ สามารถกลับไปทำงานได้หลังผ่าตัด 1 อาทิตย์ สามารถออกกำลังกายได้หลังผ่าตัด 2 อาทิตย์

 
 
 
 

World-Class Services