ปัจจุบัน โลกมีได้มีการศึกษาค้นคว้า วิจัย ความหลากหลายทางเพศมีมากขึ้น การยอมรับในสังคมโลกของต่อความหลากหลายนี้ก็มีมากขึ้น เมื่อเราตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงเพศ และเปลี่ยนการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ ในสังคมให้เป็นแบบเพศชาย เราจำเป็นที่จะต้องปรับบุคลิก รูปร่าง หน้าตาให้เป็นแบบเพศชายอีกด้วย การศัลยกรรมหน้า หญิงเป็นชาย เพื่อปรับรูปหน้า โครงสร้างกระดูกใบหน้าให้เป็นแบบเพศชาย ต้องดู แกร่ง แข็งแรง ดุดัน
การปรับโครงสร้างหน้า หญิงเป็นชาย ต้องอาศัยความชำนาญของศัลยแพทย์ตกแต่ง ที่สามารถปรับแต่งโครงกระดูกหน้า โดยรวมทั้งหมด เช่น หน้าผาก โหนกแก้ม กราม คาง จมูก และกระเดือก ให้มีใบหน้าผสมกลมกลืนเหมาะสมกับความเป็นเพศชายมากที่สุด
รูปที่ 1. ความแตกต่างระหว่างใบหน้างชาย กับใบหน้าหญิง
6 จุดบนใบหน้า ที่ศัลยแพทย์นำมาพิจารณาในการออกแบบทำ ศัลยกรรมหน้า หญิงเป็นชาย มีดังนี้
รูปที่ 2. เทคนิคการปรับเปลี่่ยนหน้าหญิงเป็นชาย
1. ศัลยกรรมหน้าผากกว้าง, ศัลยกรรมดึงหน้าผาก (Forehead Lengthening & Augmentation)
หน้าผากผู้ชาย หน้าผากจะกว้าง แต่ไม่ใช่หน้าผากเถิก มีคิ้วหนาแต่ไม่รกเป็นส่วนหนึ่งของลักษณะใบหน้าเพศชายที่ดี โครงสร้างกระดูกหน้าผากที่โหนกคิ้วและที่เหนือไซนัส จะสูง ต้องต้องผ่าตัดเสริม Implant ที่บริเวณนี้ ให้สูงขึ้น และขณะเดียวกันผ่าตัดดึงไรผม หรือดึงหน้าให้สูงขึ้น ด้วย เพื่อทำให้ระยะห่างระหว่างโหนกคิ้ว กับไรผมกว้างขึ้น (See more)
รูปที่ 3. ศัลยกรรมหน้าผาก หญิงเป็นชาย
2. ผ่าตัดปรับโหนกแก้มเป็นชาย หญิงเป็นชาย (Masculine Cheekbone)
โหนกแก้มชายจะมีลักษณะแบนกว้างและเป็นมุมมากกว่าหญิง การผ่าตัดโหนกแก้มให้เป็นเพศชายอาจจะต้องกรอให้แบน หรือ เสริม แบบแบนกว้างและเป็นเหลี่ยมมุม หรือ ยุบโหนกแก้ม แล้วแต่โครงสร้างแต่ละคน แต่ต้องผ่าตัดออกมาแล้ว แบน กว้าง มีมุม แบบผู้ชาย แล้วต้องรับกับใบหน้าโดยรวมทั้งหมดด้วย (See more)
รูปที่ 4. ผ่าตัดโหนกแก้ม หญิงเป็นชาย
3. เสริมจมูก หญิงเป็นชาย (Masculine Nose)
ลักษณะจมูกผู้ชายจะจมูกอวบอิ่ม ปีกจมูกหนา ใหญ่ ยาวตรง กว้าง การผ่าตัดด้วยการเสริมจมูก ต้องให้ สูง ยาว และกว้างแบบเพศชาย (See more)
รูปที่ 5. เสริมจมูกแบบผู้ชาย
4. เสริมคาง หญิงเป็นชาย (Masculine Genitoplasty / Mentoplasty)
ลักษณะคางผู้ชายเป็น สี่เหลี่ยม ใหญ่ ยาว หนา การผ่าตัด ต้องเสริมคาง พร้อมกับการปรับกระดูกคางด้วย (See more)
รูปที่ 6. ผ่าตัดเสริมคางให้เป็นชาย
5. เสริมกราม หญิงเป็นชาย (Masculine Jaw Surgery)
กรามผู้ชายจะดูกว้างใหญ่มีมุม ดูหนาและแข็งแรง การผ่าตัดกรามให้เป็นชาย โดยการเสริมกราม และจัดรูปทรงให้มีเหลี่ยมมุม การปรับมุมกราม ต้องให้สมดุลกับความกว้างของใบหน้า ขณะเดียวกันต้องผสมผสานกับการเสริมคาง หรือปรับรูปแบบคางให้เข้ากับกรามไปด้วย เพื่อให้หน้าดูผสมกลมกลืนไปทุกส่วน (See more)
รูปที่ 7. ผ่าตัดเสริมกราม หญิงเป็นชาย
6. เสริมกระเดือก (Tracheal Augmentation)
สิ่งสำคัญของความแตกต่างระหว่างชายกับหญิง คือ กระเดือก ที่อยู่หน้ากล่องเสียง การผ่าตัดเสริมกระเดือกสามารถทำได้ ด้วย Implant เช่น ePTFE หรือ ซิลิโคน ในกรณีที่ความสูงไม่มาก แต่ที่ดีที่สุดคือ กระดูกอ่อนจากซี่โครง สามารถเสริมได้สูงเป็น เซนติเมตร
รูปที่ 8. ผ่าตัดเสริมกระเดือก
การเตรียมตัวก่อน ศัลยกรรมหน้า หญิงเป็นชาย
- ปรึกษากับศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และชำนาญด้าน ศัลยกรรมหน้า ชายเป็นหญิง เท่านั้น เพราะการผ่าตัดปรับโครงกระดูกหน้ามีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง ต้องใช้ประสบการณ์และความชำนาญสูง ต้องวางแผนการผ่าตัดแต่ละอย่างพร้อมๆกัน
- ตรวจสุขภาพ ตรวจเลือด เอ็กเรย์ปอด และ ทำ CT scan ใบหน้าให้พร้อมเพื่อศัลยแพทย์จะได้วางแผนเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับคนไข้ และเตรียมพร้อมที่จะต้องดมยาสลบ
- หยุดฮอร์โมน 1-2 อาทิตย์
- หยุดยาจำพวกแอสไพริน ยาลดอาการอักเสบ หรือสมุนไพร ที่อาจจะทำให้เลือดออกผิดปกติ หยุดยาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือตามแพทย์สั่ง
- หยุดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อลดโอกาสเกิดเลือดไปเลี้ยงแผลไม่ดี
- ในกรณีที่ต้องดมยาสลบให้งดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัด 6 ชั่วโมง
การดูแลหลัง ศัลยกรรมหน้า หญิงเป็นชาย
- นอนหมอนสูงสองใบ หรือ ครึ่งนั่งครึ่งนอนเพื่อช่วยในการยุบบวมเร็วขึ้น
- ในกรณีมีแผลผ่าตัดในปาก ให้ใช้น้ำยาบ้วนปากบ่อยๆเพื่อให้ในปากชุ่มชื้นและฆ่าเชื้อโรค
- ใช้ผ้ารัดหน้าที่โรงพยาบาลให้เพื่อช่วยในการยุบบวม 2-3 อาทิตย์
- ทำแผลให้สะอาดทุกวัน ไม่ให้มีคราบเลือดเกาะ สระผมได้หลังผ่าตัด 2 วัน
- 7 วันตัดไหม สามารถกลับไปทำงานได้หลังผ่าตัด 2 อาทิตย์
- งดออกกำลังกายอย่างหักโหม 1 เดือน
- มาพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง
ความเสี่ยง และภาวะแทรกซ้อนหลัง ศัลยกรรมหน้า หญิงเป็นชาย
- ติดเชื้อ ( Infection ) จากแผล หรือจาก วัสดุที่ใช้เสริม
- อาการชา( Numbness )จากบริเวณแผลผ่าตัด หรือใกล้เคียง
- มีอาการบวม ( Edma )
- เลือดคั่ง ( Hematoma)
- ปวดแผล (Pain )อาจจะต้องให้ยาแก้ปวด หรือประคบน้ำแข็ง
- แผลช้ำเขียว( Bruising)
- เส้นประสาทฉีกขาด (Nerve damage) อาจจะเสียหายไปชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
- อาจจะมีใบหน้า หรือองค์ประกอบบนใบหน้าไม่สมดุล ( Asymmetry )
- เลือดออก ( Bleeding )
- ร่างกายอาจจะไม่ยอมรับ วัสดุที่ใช้เสริม ( Implant failure) อาจจะต้องเอาออก
- แผลหายช้า ( Poor healing)
- เนื้อตาย (Necrosis)
- แผลเป็น ( Scarring )
การพักฟื้นหลัง ศัลยกรรมหน้า หญิงเป็นชาย
หลังจากการผ่าตัดใบหน้า ประมาณ 1 อาทิตย์ หน้าอาจจะยังบวม และช้ำอยู่บ้าง ประมาณ 2 อาทิตย์สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ แต่หน้าก็อาจจะจะยังบวมอยู่บ้าง หลังผ่าตัด 1 เดือนสามารถออกกำลังกายได้ ใบหน้าจะปรับรูปทรงใหม่เข้าที่หลังผ่าตัด ประมาณ 3 -6 เดือน