• โทร: 02 559 0155

ดูดไขมัน หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา ทั้งตัว

ดูดไขมัน กำจัดไขมันส่วนเกิน

         การดูดไขมัน เป็นการปรับรูปร่างให้ได้สัดส่วนที่สวยงาม  ให้มีส่วนโค้งเว้า และสามารถปรับแต่งให้เป็นร่องกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เรียกว่าซิกแพคได้อีกด้วย รอยแผลผ่าตัดมีเพียงเล็กน้อย และแผลในบางตำแหน่งที่แทบจะมองเห็นเลย เช่น การดูดไขมันหน้าท้องแล้วซ่อนแผลดูดไขมันไว้ที่ในสะดือ การดูดไขมันมีทั้ง การดูดไขมันทั้งตัวเพื่อปรับรูปร่างทั้งตัว หรือดูดไขมันบางส่วน เช่น หน้าท้อง  แขน ขา เป็นต้น    

           การดูดไขมันให้ได้ผลดี การดมยาสลบเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะ ศัลยแพทย์สามารถดูดได้ปริมาณที่มากตามต้องการ  พร้อมทั้งปรับรูปร่างให้ได้สัดส่วนตามที่ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญออกแบบไว้  ถ้าไม่ดมยาสลบ จะมีโอกาสที่จะดูดได้น้อยไม่ลึกพอเพราะคนไข้จะเจ็บทนไม่ไหว การดูดจะไม่เรียบเนียนเป็นคลื่น  และต้องใช้ยาชาผสม อดรีนาลีน (Adrenaline) ปริมาณมาก ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเต้นของหัวใจจะเร็ว แรง และถี่มากขึ้น จนเกิดอันตรายแก่ชีวิตได้ และ  การดูดไขมันเฉพาะส่วนในขนาดพื้นที่ที่ไม่มากเกินไป อาจจะใช้เพียงแค่ยาชา ในการดูดไขมันแต่ต้องพิจารณาเป็นกรณีไป

 

การผ่าตัดดูดไขมัน

ไขมันที่ถูกดูดออกมา

          โดยปกติ เมื่อมีอายุมากขึ้น การเผาผลาญพลังงานในร่างกายก็น้อยลง ทำให้เกิดการสะสมของไขมันส่วนเกิน ตามบริเวณต่าง ๆ เช่น หน้าท้อง สะโพก ก้น ต้นขา ต้นแขน คอ ฯลฯ ทำให้รูปร่างไม่สวยงามเหมือนเดิม การดูดเอาไขมัน สามารถแก้ปัญหาเรื่องไขมันส่วนเกินต่าง ๆได้แต่ การดูดไขมันไม่ใช่การลดความอ้วน แต่เป็นการขจัดไขมันสะสมเฉพาะจุด ออกเท่านั้น โดยสามารถขจัดไขมันสะสมในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดังนี้

 

ดูดไขมัน

ดูดไขมันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

ดูดไขมันต้นแขน

          ถ้ามีการสะสมไขมันที่ต้นแขนเป็นจำนวนมาก บางครั้งการลดน้ำหนักอาจจะไม่ได้ผลดี การดูดไขมันเพื่อปรับลดขนาดต้นแขนให้เล็กลง จะทำให้ดูสมส่วนมากขึ้น

ดูดไขมันต้นแขน

 

ดูดไขมันต้นขา

         ต้นขาก็เป็นที่ตำแหน่งหนึ่งที่มีการสะสมไขมัน เป็นจำนวนมาก ทำให้ดูต้นขาใหญ่ ใส่เสื้อผ้าไม่สวยงาม  การลดต้นขาที่ดีที่สุดคือการดูดไขมันต้นขา เพราะทำได้สะดวก รวดเร็ว และได้รูปทรงที่สวยงาม

ดูดไขมันต้นขา

 

ดูดไขมันหน้าท้อง

          หน้าท้องเป็นแหล่งสะสมไขมันอีกจุดหนึ่ง ที่พบเป็นจำนวนมาก ทำให้มีหน้าท้องใหญ่ และหย่อนยาน การดูดไขมันหน้าท้อง เพื่อขจัดไขมันส่วนเกินออก เพื่อให้รูปร่างสมดุลการส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เกิดความมั่นใจในการใส่เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย

ดูดไขมันหน้าท้อง

 

ดูดไขมันสะโพก และก้น

          การมีก้น และสะโพกที่ใหญ่ ย้อยจนเกินไปทำให้มีรูปร่างที่ไม่สวยงาม  การดูดไขมันสะโพกและก้นเป็นการขจัดไขมันส่วนเกินออก เพื่อให้มีรูปร่างที่สมส่วนสวยงาม มีก้นและสะโพกที่กลมเด้งกระชับ ทำให้เกิดความมั่นใจในการใส่เสื้อผ้ามากขึ้น

ดูดไขมันสะโพก และก้น

 

ทำไม  สะโพก ต้นแขน ต้นขา หน้าท้องจึงมีไขมันเยอะ ???

         ไขมันในร่างกายเป็นสิ่งจำเป็น และสำคัญ เนื่องจากเป็นแหล่งสะสมพลังงาน เป็นที่เก็บสะสมของวิตามินที่ละลายได้ในไขมัน เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของเซลล์สมอง และเป็นส่วนประกอบสำคัญของโครงสร้างของเซลล์ เป็นแผ่นใต้ผิวหนังเพื่อปกป้องความหนาวเย็น อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุมากขึ้น อัตราการเผาผลาญไขมันน้อยลง เกิดการสะสมไขมัน และน้ำหนักมากขึ้น ในเพศหญิง การสะสมไขมันจะอยู่ที่สะโพก ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง ส่วนเพศชายจะสะสมที่หน้าท้องเป็นส่วนใหญ่ การสะสมไขมัน ขึ้นอยู่กับ

  1. เกิดจากกรรมพันธุ์ที่มาจากยีนส์ของแต่ละคน
  2. พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน นั่งทำงานตลอดเวลา มีการเคลื่อนไหวน้อย อาจจะเกิดการสะสมไขมันได้
  3. การหมดประจำเดือน ทำให้ปริมาณของเอสโตรเจนฮอร์โมนลดลง ทำให้เกิดการสร้างและสะสมไขมัน บริเวณหน้าท้อง ก้น และต้นขา
  4. ความเครียดเรื้อรัง ทำให้เกิดการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติโซลในกระแสเลือด ทำให้เกิดการสร้างไขมันไปสะสมที่หน้าท้อง

 

เทคนิคการดูดไขมันด้วย Hi -def ที่โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล

          การดูดไขมันแบบทั่ว ๆไป หรือ conventional liposuction คือการดูดไขมันจากใต้ผิวหนัง จากหลาย ๆ บริเวณเช่น ต้นขา ท้อง หลัง แขน รักแร้, บั้นท้าย หรือ บริเวณไหนก็ตามที่มีไขมันมากพอที่จะดูดออก หลังการดูดไขมัน จะได้รูปร่างที่ดีขึ้นตามที่ต้องการ   แต่การ  ดูดไขมัน แบบ Hi-def   จะดูดไขมันตามแนว ของกล้ามเนื้อ โดยหลังจากดูดไขมัน จะเห็นแนวกล้ามเนื้อชัดเจนขึ้น  เหมือนกับการออกกำลังกาย โดยในผู้ชายสามารถทำให้เห็นกล้ามเนื้อหน้าท้องหรือ six pack ได้ ส่วนในผู้หญิง สามารถจะสร้าง sexy line ให้เด่นชัดได้

 

ผู้ที่เหมาะสมกับการผ่าตัดดูดไขมันด้วยเทคนิค Hi-def 

  • ต้องผ่านการควบคุมอาหารและออกกำลังมาบ้าง ร่างกายมีไขมันในปริมาณที่ไม่มากนัก
  • ต้องมีผิวที่ไม่หย่อนคล้อยจนเกินไปถึงจะได้รับผลการผ่าตัดที่ดี
  • หลังผ่าตัดต้องออกกำลังกาย และควบคุมอาหารอยู่เช่นเดิม

 

          การดูดไขมันแบบ Hi-definition นั้นต้องใช้ศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญในการดูดไขมัน รวมถึงเข้าใจในกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ตามร่างกาย ดังนั้นควรหาข้อมูลของศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในด้านนี้โดยตรง ปรึกษาเรื่องความต้องการ และความคาดหวังกับแพทย์ ถ้าแพทย์ที่มีประสบการณ์ ก็จะสามารถบอกได้ว่าสิ่งที่เราต้องการมีความเป็นไปได้แค่ไหน แต่เมื่อไหร่ที่เกิดความสงสัยไม่แน่ใจในคำตอบ ก็อาจจะลองปรึกษากับแพทย์ท่านอื่น ๆ เพิ่มเติม ก่อนตัดสินใจผ่าตัดดูดไขมัน เพื่อจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับตัวเราที่สุด

ศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูดไขมัน

 

 


(https://www.microaire.com/products/pal-system/)

 

VASER- Assisted High-Definition Lipo-sculpture (VAHDL) 

ดูดไขมันด้วยเครื่อง Vaser

          การดูดไขมันเป็นการผ่าตัดที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นในหลายๆประเทศ โดยเทคโนโลยีของการดูดไขมันได้มีการเปลี่ยนแปลงไปในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ในปี ค.ศ.1985 ได้มีการริเริ่มนำคลื่น อัลตราซาวน์มาช่วยในการดูดไขมัน (Ultrasound assisted lipoplasty or UAL) หลักการของการใช้คลื่นอัลตราซาวน์คือการสลายไขมันด้วยคลื่นความถี่ที่เฉพาะเจาะจงกับไขมันโดยที่จะมีความเสียหายต่อเส้นเลือดและ เส้นประสาทน้อยกว่าการดูดไขมันโดยวิธีดั้งเดิม เมื่อไขมันที่โดนคลื่นเสียงจะเกิดการสั่นและแตกของเซลล์ ไขมันกลายเป็นของเหลวแล้วจึงค่อยดูดไขมันออกมา

          VASER- Assisted High-Definition Liposculpture (VAHDL) คือการนำเครื่อง VASER มาช่วยในการทำ High Definition Liposculpture ซึ่งสามารถออกแบบกล้ามเนื้อได้ชัดเจนขึ้น มีการทำลายเนื้อเยื่อน้อยกว่า และสามารถดูดไขมันออกได้นิ่มนวลกว่า

          การจะทำ VAHDL ให้ได้ผลที่ดีนั้นต้องเข้าใจของลักษณะกายวิภาคย์ของกล้ามเนื้อภายในแต่ละมัดและรูปร่างของกล้ามเนื้อที่มองเห็นทางภายนอกที่เกิด เพื่อที่จะสามารถปรับแต่งและใช้ประโยชน์จากการดูดไขมันเพื่อสร้างรูปลักษณ์ที่สวยงามได้  

ข้อดีของการดูดไขมันด้วย VASER - Assisted High-Definition Liposculpture (VAHDL)

  1. สามารถทำ High Definition Liposculpture ซึ่งสามารถออกแบบกล้ามเนื้อได้ชัดเจน
  2. มีการทำลายเนื้อเยื่อน้อยกว่า
  3. สามารถดูดไขมันออกได้นิ่มนวลกว่า เรียบเนียนกว่า

 VASER- Assisted High-Definition Liposculpture (VAHDL)

 

รีวิวการดูดไขมันปรับรูปร่าง ที่โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล

รีวิวดูดไขมันปรับรูปร่าง ของคุณเจนนี่ ปิณฑิรา

ดูดไขมันต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง และปั้นเอว สร้างความโค้งเว้าของรูปร่างให้ดูสวย กระชับได้สัดส่วน 1 เดือนหลังผ่าตัด

คุณเจนนี่ ปิณฑิรา แต่เดิมมีรูปร่างค่อนข้างอวบ มีต้นแขนต้นขา เอวตรง อยากมีรูปร่างเล็ก แขน ขาเล็ก เอวเล็ก เห็นส่วนโค้งส่วนเว้าของอกและสะโพกอย่างชัดเจน และมีแนว Sexy line ด้วย หลังผ่าตัดได้รูปร่างดั่งที่ต้องการ...ชอบมาก พร้อมที่จะอวดรูปร่างใหม่อย่างมั่นใจ

 

รีวิวดูดไขมันปรับรูปร่าง ของคุณเจนนี่ นฤมล

ดูดไขมันต้นขา หน้าท้อง ปั้นเอว และสร้างความโค้งเว้าของรูปร่างให้ดูสวย กระชับ ดูสปอร์ต หลังผ่าตัด 1 เดือน

คุณเจนนี่ นฤมล ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าการทำศัลยกรรมจะสามารถปรับสร้างรูปร่างได้สวยงามขนาดนี้ ในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งเอวที่กระชับเล็กลง เห็นแนวกล้ามเนื้อหน้าท้องชัดเจน ดูแล้วฟิตแอนเฟิร์มจริงๆ การออกกำลังกายต้องใช้เวลานานเป็นปีๆ ถึงจะเป็นแบบนี้หรืออาจจะไม่เป็นก็ได้ ศัลยกรรมปรับรูปร่างเกิดได้จริงๆค่ะ เจนนี่คอนเฟิร์ม

 

รีวิวดูดไขมันปรับรูปร่าง ของคุณส้มโอ ชมพูนุช

ดูดไขมันต้นขา หน้าท้อง เห็นแนวกล้ามเนื้อหน้าท้อง และสร้างความโค้งเว้าของรูปร่างให้ดูสวย สปอร์ต หลังผ่าตัดครบ 1 เดือน

คุณส้มโอ ชมพูนุช ว้าวว..จริงๆค่ะ!!!    เอวอวบๆ ต้นขาใหญ่ๆ เสกให้หายไปได้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเอวที่อวบ ๆ พยายามออกกะลังกายอย่างหนักมานาน พยายามลดหน้าท้อง ต้นขา และสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องให้ดูเฟิร์มกระชับมานาน แต่ทำไม่ได้เลย ลองแล้วค่ะ ตัดสินใจทำศัลยกรรมปรับรูปร่างให้สวยรับส่วนโค้งส่วนเว้าของอก สะโพก แถมมีแนวกล้ามเนื้อหน้าท้อง ดูแล้วเซ็กซี่ ทำได้จริงๆค่ะ รูปที่เห็นเพียง 2 เดือนหลังผ่าตัดเท่านั้นค่ะ

 

ผู้ที่เหมาะสมทำการผ่าตัดดูดไขมันต้นขา / ต้นแขน / หน้าท้อง

  1. มีร่างกายที่เหมาะสมดังนี้
    1.1 ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ควบคุมเรื่องการทานอาหาร แต่ไม่สามารถขจัดไขมันในบางบริเวณออกไปได้ ถึงแม้จะพยายามแล้ว          
    1.2 ผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำแต่มีไขมันไม่มากนัก สุขภาพแข็งแรง   โดยทั้งสองกลุ่มควรมีดรรชนีมวลกาย ไม่เกิน 30 (BMI <30) ถ้าดรรชนีมวลกายเกิน 30 อาจจะต้องพิจารณาเป็นรายๆไป ว่าสามารถทำได้แค่ไหน  
  2. มีผิวหนังที่ค่อนข้างตึง ไม่เหี่ยวย่น
  3. ไม่ควรมีโรคประจำตัวที่เป็นอันตรายต่อการผ่าตัดดูดไขมัน
  4. ไม่สูบบุหรี่
  5. ในผู้ที่ได้รับการดูดไขมันมาก่อนแล้ว แต่ต้องการความชัดเจนขึ้นสามารถทำได้แต่ผลของการผ่าตัดนั้น อาจจะไม่ดีเท่าในรายที่ไม่เคยทำมาก่อน    

 

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดดูดไขมันต้นขา / ต้นแขน / หน้าท้อง

  1. ปรึกษาศัลยแพทย์ และ วิสัญญีแพทย์
  2. ตรวจเลือดและตรวจร่างกาย
  3. ทานยาหรือปรับยาตามแพทย์แนะนำเพื่อเตรียมตัวผ่าตัด
  4. หยุดยาจำพวกแอสไพริน ยาลดอาการอักเสบ หรือสมุนไพร เพราะอาจจะทำให้เลือดออกมาขึ้นได้
  5. หลังผ่าตัดดูดไขมันต้องนอนโรงพยาบาลอย่างน้อย 1-2 วัน  

 

ขั้นตอนการผ่าตัดดูดไขมันต้นขา / ต้นแขน / หน้าท้อง

  1. กำหนดตำแหน่งที่ต้องการดูดไขมันออก ในกรณีที่จะดูดไขมันออกเพียงจุดเดียว
    กำหนดจุดที่ต้องการดูดไขมันออก
     
  2. การให้ยาระงับความรู้สึก แบบ ยาชา ต้องมีไขมันปริมาณไม่มาก อาจใช้ยาชา แต่ถ้าดูดไขมันหลายจุด และปริมาณมากจะต้องทำภายใต้การดมยาสลบ
    ดมยาสลบ หรือใช้ยาชา
     
  3. เจาะผิวหนังขนาด 0.5 มิลลิเมตร เพื่อใส่เข็มดูดไขมัน และทำการดูดด้วยเครื่องดูดไขมัน เมื่อเสร็จสิ้นการดูด ไขมัน แพทย์จะเย็บปิดแผลซึ่งมีขนาดเล็กประมาณ 1-2 เข็มเท่านั้น   ระยะเวลาของการดูดไขมันจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งและปริมาณของไขมัน
    เจาะผิวหนังเพื่อทำการดูดไขมัน
     
  4. ใช้ผ้ายืดพันรอบบริเวณที่ดูดไขมัน
    ใช้ผ้ายืดบริเวณที่ดูดไขมัน

 

การดูแลหลังผ่าตัดดูดไขมันต้นขา / ต้นแขน / หน้าท้อง

  1. หลังการผ่าตัดจะมีน้ำเหลืองไหลซึมออกมาจากตำแหน่งแผลที่ดูดไขมัน ซึ่งจะซึมออกมาเรื่อยๆ ประมาณ 4-5 วัน ก็จะหยุดไหลไปเองให้ ทำแผลบริเวณที่ดูดไขมันทุกวันจนกว่าแผลจะแห้งและไม่มีน้ำเหลืองซึมออกมา   ถ้าน้ำเหลืองทีซึมออกมาไม่หายไปใน 4-5 วัน และมีอาการเจ็บปวด บวมแดง เพิ่มขึ้น ควรมาพบศัลยแพทย์ทันที
  2. ให้ใส่ผ้ายืด (Elastic bandage) หรือชุดรัดกล้ามเนื้อ (Compression Garment) สำหรับรัดตรงบริเวณที่ทำการดูดไขมันออก เป็นเวลา อย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังการผ่าตัดใหม่ เพื่อลดอาการบวม และเป็นการกดให้โพรงที่เกิดจากการดูดไขมันออกยุบติดกัน และไม่ให้เกิดการคั่งของน้ำเหลือง จากนั้นคุณยังสมารถใส่ผ้ายืดหรือใส่ชุดรัดกล้ามเนื้อ ต่อได้อีก 15-30 วัน เพื่อเป็นการช่วยให้หายเร็ว และได้ผลดีขึ้น   คุณสามารถทำงาน หรือกิจกรรม ต่าง ๆ ตามปกติได้ เพียงแต่ไม่ควรทำสิ่งที่รุนแรง และไม่ควรเคลื่อนไหวในบริเวณ ที่ทำการดูดไขมัน
  3. หลังทำการดูดไขมันจะมีการบวมขึ้นของบริเวณที่ดูด โดยการบวมจะเกิดขึ้นประมาณ 3-4 อาทิตย์หลังผ่าตัด หลังจากนั้นจะยุบบวมและหายสนิทดีในระยะ 3-4 เดือนหลังผ่าตัด
  4. มีการนวดไล่น้ำเหลืองเบาๆ หลังผ่าตัด 3 วัน และ วันเว้นวัน อีก3-4 ครั้ง เพื่อช่วยในการยุบบวม และลดความอึดอัด
  5. ชุดรัดกล้ามเนื้อ (Compression Garment)  ต้องใส่ตลอดเวลา ยกเว้นตอนตอนอาบน้ำเท่านั้น
  6. มีการเคลื่อนไหวทุกๆ 2 ชั่วโมงเพื่อป้องกันการเกิด ลิ่มเลือด (Blood clot)
  7. อาบน้ำได้หลังผ่าตัด 2-3 วัน แต่ต้องทำแผลให้แห้ง และสะอาด
  8. สามารถออกกำลังกาย วิ่ง ว่ายน้ำ  แช่น้ำได้ หลังผ่าตัด 2 อาทิตย์
  9. ตัดไหม หลังผ่าตัดดูดไขมันครบ 7 วัน
  10. มาพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง  

 

คำแนะนำ และข้อควรรู้ในการดูดไขมัน

คำแนะนำ และข้อควรรู้ในการดูดไขมัน

          การดูดไขมัน ไม่ใช่การลดความอ้วน ดังนั้นการที่จะช่วยให้การดูดไขมันได้ผลเป็นอย่างดี คือการที่คุณมีการดูแล ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อทำให้ผิวมีความกระชับ เป็นผิวที่มีสุขภาพดีไม่เหี่ยวย่น เพื่อเวลาที่คุณได้ทำการดูดไขมันส่วนเกินออก ผิวของคุณก็ยังกระชับและดูดี คุณจึงจะได้รูปร่างที่เพรียวบาง ผิวพรรณกระชับ ได้รูปร่างที่สวยสมส่วนกลับมา

ดูดไขมันอันตรายไหม ปลอดภัยหรือป่าว?  

การดูดไขมัน จะเป็นการผ่าตัดที่ปลอดภัย ต้องมีรายละเอียดดังนี้

  1. การผ่าตัดดูดไขมัน ด้วยศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และทำการผ่าตัดภายใต้การดมยาสลบ  ด้วยวิสัญญีแพทย์ ความเสี่ยง จากการเกิด เลือดออกมาก  การสูญเสียเลือด ทำให้เกิดปริมาณเลือดในร่างกายต่ำเกินไป เวียนศีรษะ หลังการผ่าตัด 1-2 วัน ต้องมีการตรวจเช็คความเข้มเข้นของเลือด Hematocrit ไม่ให้ต่ำจนเกินไป ที่จะเป็นอันตรายได้ ดังนั้นหลังการดูดไขมันต้องนอน โรงพยาบาล อย่างน้อย 2-3 คืน เพื่อดูผลข้างเคียงหลังจากการดูดไขมัน
  2. มีการตรวจสุขภาพร่างกาย แข็งแรง ไม่เป็นโรคความดัน โรคเบาหวาน และโรคหัวใจ
  3. การดูดไขมัน ภายใต้การดมยาสลบด้วยวิสัญญีแพทย์จะดูดได้เรียบเนียนกว่า ไม่เป็นคลื่น และปริมาณมากกว่าอย่างปลอดภัย
  4. การดูดไขมันต้องดูลักษณะความยืดหยุ่นของผิวหนัง ต้องมีความยืดหยุ่นดีจึงจะได้ผลดี ผิวหนังกระชับ

 

 

ดูดไขมันไม่เห็นผล เพราะอะไร ?

ไขมันที่ถูกดูดออกไป จะเป็นไขมันที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังเท่านั้น  เมื่อเราดูดไขมันแล้ว แต่รู้สึกว่าส่วนที่ได้ดูดไขมันไปมีขนาดไม่เปลี่ยนแปลง อาจจะมีสาเหตุมาจาก

1.การบวม หลังจากการดูดไขมันออกไป ร่างกายจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง  ส่งเลือดและน้ำเหลืองเข้ามาในบริเวณที่ดูดไขมันมากกว่าปกติ เพื่อซ่อมแซมเซลและเนื้อเยื่อส่วนที่เสียหาย   หลังการดูดจึงมีการบวมขึ้นมาได้ การบวมเกิดมาสุดช่วงประมาณ 1 เดือนหลังดูดไขมันแล้วจะค่อยๆ ยุบลง

วิธีสังเกต คือ บริเวณที่ดูดยังมีผิวที่เรียบ ตึงกว่าบริเวณที่ไม่ได้ดูด ลองคลำ หรือจับเนื้อดึงขึ้นมาจะรู้สึกว่าตึงแข็งอยู่ อาจจะต้องรอดูไปก่อน   การนวดเพื่อไล่น้ำเหลืองหลังผ่าตัดก็มีผลทำให้การบวมยุบเร็วขึ้น

2.ไขมันในช่องท้อง  โดยท้องที่ยื่นดันออกมา    เป็นไขมันในช่องท้องไม่ใช่เพราะมีไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนังหน้าท้อง ตามรูปที่ 1  ศัลยแพทย์ไม่สามารถดูดไขมันในช่องท้องได้ เพราะจะเป็นอันตรายต่อ ตับไต ไส้พุงที่อยู่ในช่องท้อง ใต้กล้ามเนื้อหน้าท้อง

 

รูปที่ 1. แสดง  ไขมันที่อยู่ในช่องท้อง ( ใต้กล้ามเนื้อหน้าท้อง)

 

 

รูปที่2. แสดงก่อนและหลังการดูดไขมัน สำหรับผู้ที่มีไขมันในช่องท้อง

 

 

รูปที่ 3. แสดงก่อนและหลังการดูดไขมัน สำหรับผู้ที่มีไม่มีไขมันในช่องท้อง

 

 

ถ้าเรามีไขมันในช่องท้องมาก หลังดูดไขมันท้องก็จะลดขนาดได้น้อยกว่า คนที่มีไขมันนอกช่องท้อง

3.เกิดจากปัญหากล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อน ส่วนมากเจอในกลุ่มผู้หญิงหลังคลอดที่กล้ามเนื้อหน้าท้องเกิดการขยายออกหลังตั้งครรภ์ ทำให้หนังหน้าท้องหย่อน และกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เคยชิดกันเกิดการแยกออก ทำให้ท้องยื่นออกมามากขึ้น

 กรณีนี้ไม่สามารถจะรักษาด้วยการดูดไขมันเพียงอย่างเดียวอาจจะต้องมีการเย็บกล้ามเนื้อหน้าท้องให้กระชับและตัดหนังหน้าท้องส่วนเกินออกด้วย 

 

รูปที่ 4. แสดงกล้ามเนื้อหน้าท้องที่แยกออกหลังตั้งครรภ์ ซึ่งจะแยกออกมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแต่ละคน

 

 

โดยสาเหตุที่ 2 และ 3 แพทย์ที่มีประสบการณ์การดูดไขมันมามาก จะสามารถมองออก และแจ้งให้คนไข้ทราบได้ก่อนผ่าตัด  เพื่อจะได้ทราบ และตัดสินใจวางแผนการผ่าตัดร่วมกัน

4.เกิดจากดูดไขมันออกไม่หมด ส่วนมากเกิดจาก ประสบการณ์( Experience) ความชำนาญ( Skills)ของแพทย์ ยังไม่มาก  ทำให้ แพทย์ไม่ทราบว่าดูดไขมันออกไม่หมด หรือ แพทย์บางท่านอาจจะให้เพียงแค่ยาชา เพื่อระงับความรู้สึกเจ็บของคนไข้เท่านั้น แต่ไม่ได้ดมยาสลบ   ถึงแม้ว่าคนไข้จะไม่รู้สึกตัวก็ตาม  แต่ร่างกายก็ยังดิ้นทุรนทุรายและร้องด้วยความเจ็บปวด ทำให้แพทย์ไม่อยากที่จะทำการดูดไขมันอย่างที่ตั้งใจไว้อีกต่อไป ทำให้ไขมันเหลือและผิวไม่เรียบ

ดังนั้นก่อนดูดไขมัน ควรปรึกษาแพทย์ ถามคำถามที่สงสัย ถามถึงวิธีการผ่าตัด วิธีการให้ยาระงับความเจ็บปวด เป็นการฉีดยาชา หรือดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์หรือไม่ ผู้ป่วยควรจะสอบถามว่าคุณหมอท่านใดเป็นศัลยแพทย์ และคุณหมอท่านใดเป็นวิสัญญีแพทย์ มีประสบการณ์และความชำนาญเพียงใด วิธีการดูแลหลังผ่าตัดดูดไขมัน รวมถึงผลที่คาดหวังได้หลังการผ่าตัด แนะนำว่าอาจจะต้องปรึกษาหลายๆที่เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่าง และหาโรงพยาบาล  ที่เรามั่นใจที่จะทำให้ผลการผ่าตัดดี และปลอดภัย

 

 

ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดได้หลังการดูดไขมันต้นขา / ต้นแขน / หน้าท้อง

ปัญหาระยะสั้นที่อาจพบหลังผ่าตัดดูดไขมัน

  • น้ำเหลือง (Seroma) อาจจะมีอาการบวมเป็นหย่อมๆ ซึ่งมีน้ำเหลืองขังอยู่ใต้ผิวหนัง ซึ่งแพทย์จะทำการเจาะออก หรือใส่สายระบายเอาน้ำเหลืองออก
  • ไขมันอุดตันที่ปอด (Pulmonary Thromboembolism)
  • ปวด (Pain)
  • อาการชา (Numbness) อาจจะเกิดได้ แต่จะหายไปหลังผ่าตัด 3-6 เดือน
  • แผลติดเชื้อ (Infection)
  • เลือดจาง (Anemia)
  • เลือดคั่ง (Hematoma)
  • ไขมันอุดตันเส้นเลือด (Fat embolism)
  • อาจจะมีผิวหนังไหม้เป็นหย่อมๆ จากเลเซอร์ได้

 

ปัญหาที่พบได้หลังการดูดไขมัน ระยะยาว

  1. เป็นก้อนไขมัน (Fibrosis) แก้ไขโดยนวด, หรือใช้อัลตร้าซาวด์
  2. ผิวหนังไม่เรียบเป็นคลื่น
  3. รูปร่างอาจจะไม่เท่ากัน (Asymmetries) ทั้งสองด้าน
  4. แผลสมานไม่ดี (Poor healing)

 

ดูดไขมันที่ไหนดี ? ทำไมต้องดูดไขมันต้นขา / ต้นแขน / หน้าท้องที่โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล 

ดูดไขมันต้นขา / ต้นแขน / หน้าท้องที่โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล

  1. ศัลยแพทย์ตกแต่งที่เชี่ยวชาญด้านการดูดไขมันโดยเฉพาะ ผ่านการการเรียนกับ ผู้เชี่ยวชาญดูดไขมัน ระดับโลก Dr. Alfredo Hoyos
  2. ดูดไขมันได้เรียบเนียน ไม่เป็นคลื่น
  3. มีการปรับแต่งรูปร่างให้สวยงามได้สัดส่วน มีส่วนโค้งส่วนเว้า
  4. ดูดไขมันได้ปริมาณมาก ประมาณ 5-10 ลิตรต่อครั้ง
  5. มีการดูแลการให้สารน้ำระหว่างการผ่าตัดด้วยวิสัญญีแพทย์
  6. ไม่บอบช้ำมากหลังผ่าตัด
  7. มีการนวดไล่น้ำเหลืองหลังผ่าตัด (Lymphatic drainage) เพื่อช่วยลดการบวมและทำให้รูปทรงเข้าที่เร็วขึ้น
  8. การดูดไขมันภายใต้การดมยาสลบด้วยวิสัญญีแพทย์ ทำให้ให้ดูดไขมันได้อย่างเต็มที่ไม่เจ็บ
  9. ห้องผ่าตัดได้มาตรฐาน ปลอดเชื้อ ด้วยมาตรฐานระดับโลก
  10. เครื่องมือทันสมัย ปลอดเชื้อด้วยมาตรฐาน JCI
  11. หลังผ่าตัดอยู่ห้องพักฟื้น และพักที่โรงพยาบาลอย่างน้อย 2-3 วัน เพื่อช่วยดูแลแผลหลังผ่าตัดและไล่น้ำเหลือง
  12. ให้ชุดซัพพอร์ตใสกระชับหลังผ่าตัด เพื่อช่วยลดบวม และกระชับรูปร่างเร็วขึ้น

 

 

 
 
 
 

World-Class Services