• โทร: 02 559 0155

เสริมสะโพก

         การผ่าตัดเสริมสะโพก เป็นการปรับสรีระรูปร่างให้เห็นส่วนโค้ง ส่วนเว้าของเอว  สะโพก และต้นขา เด่นชัดขึ้น  การผ่าตัดเสริมสะโพกช่วยทำให้มีสะโพกผายกว้าง กระชับ กลมกลึง ไม่แคบและแบนราบเหมือนในอดีต ช่วยทำให้มีสัดส่วนของเอว สะโพก ต้นขา สวยสมดุล และไม่ทำให้เกิดอันตรายหรือมีปัญหาแทรกซ้อนมากเหมือนการไปรับการฉีดซิลิโคน หรือสารเหลวอื่น ๆ เข้าสู่สะโพก  ซึ่งพบว่ามีการไหลของสารที่ฉีดไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น ขา หรือ ขาหนีบ เป็นต้น ทำให้เนื้อสะโพกแข็ง  ผิดรูปร่าง มีการติดเชื้อบวมแดงเพราะเลือดไหลเวียนไม่ดี การผ่าตัดแก้ไขสะโพกฉีดซิลิโคนเหลวทำได้ยาก

          

การผ่าตัดเสริมสะโพกมี 3 แบบคือ

  • ผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยการใช้ถุงซิลิโคน ( Buttock Implants )
  • ผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยการฉีดไขมันตัวเอง ( Fat graft )
  • ผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยการใช้ถุงซิลิโคน ร่วมกับ การผ่าตัดยกกระชับ ( Buttock Implants  and lift)

 

1. ผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยการใช้ถุงซิลิโคน (Buttock Implants)

การผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยถุงซิลิโคน เป็นวิธีการแรกๆที่ใช้ในการศัลยกรรมเสริมสะโพก ศัลยแพทย์จะเปิดแผลบริเวณร่องก้นและใส่ถุงซิลิโคนเข้าไป เป็นวิธีที่แพทย์มักจะแนะนำเพราะปลอดภัยและได้ผลดีที่สุด วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะโพกน้อย
การผ่าตัดเสริมสะโพกจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด   ในการปรับรูปทรงสะโพกให้ ผาย กลมกลึง  กระชับสวยงาม  ศัลยแพทย์จะทำการเปิดแผลบริเวณ ร่องก้น ยาวประมาณ 4-5 ซ.ม. จากนั้นใส่ ถุงซิลิโคน (Buttocks impaints) เป็นรูปทรงกลม หรือทรงรี แล้วแต่ความเหมาะสม เข้าไปใต้กล้ามเนื้อก้น  ที่อยู่ระหว่างกล้ามเนื้อส่วนนอกและส่วนกลาง ซึ่งเป็นเทคนิคใหม่ที่ช่วยลดปัญหาการเคลื่อนที่ของถุงซิลิโคน ซึ่งอาจจะทำให้ระดับของสะโพกไม่เท่ากันสองข้าง และอาจเกิดพังผืดได้

แสดงการผ่าตัด เสริมสะโพกด้วยการใช้ถุงซิลิโคน

รูปที่ 1. แสดงการผ่าตัด เสริมสะโพกด้วยการใช้ถุงซิลิโคน

 

ในการปรับรูปทรงสะโพกให้ ผาย กลมกลึง  กระชับสวยงาม ด้วยถุงซิลิโคนมี

ข้อดี

  • สามารถผ่าตัดได้ทันทีแม้ไม่มีไขมัน
  • สามารถกำหนดขนาดที่ต้องการได้
  • เมื่อต้องการเอาออกสามารถเอาออกได้ทั้งถุงซิลิโคน
  • การเสริมซิลิโคนสามารถแก้ปัญหาก้นห้อยได้

ข้อเสีย

  • พักฟื้นนานกว่า
  • เนื่องจากเป็นวัสดุทำขึ้นมาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ ร่างกายอาจจะไม่ยอมรับได้

 ภาพแสดงตำแหน่งแผลผ่าตัดเสริมสะโพกและชนิดของซินิโคนที่ใช้เสริมสะโพก

รูปที่ 2. แสดงชนิดของถุงซิลิโคนที่ใช้เสริมสะโพก

 

ชนิดของถุงซิลิโคนที่ใช้เสริมสะโพก หลากหลายชนิดให้เลือกดังนี้

  • ขนาด
  • รูปทรง มีทรงกลม และ แบบหยดน้ำ
  • ผิว มี แบบผิวเรียบ และผิวทราย

 

2.  ผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยการฉีดไขมัน (Fat Graft)

           การเสริมสะโพกด้วยการฉีดไขมัน หรือเรียกอีกอย่างว่า Brazilian Butt Lift เป็นการเสริมสะโพกอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมมากเช่นกัน ศัลยแพทย์จะทำการดูดไขมันส่วนเกินจากส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น หน้าท้อง เอว หรือต้นขา จากนั้นศัลยแพทย์จะฉีดไขมันเข้าไปที่สะโพก เพื่อเสริมสะโพกให้มีขนาดที่สวยงามมากยิ่งขึ้น การเสริมสะโพกด้วยวิธีนี้บางครั้งอาจทำพร้อมกับการเสริมด้วยถุงซิลิโคน

แสดงการ ผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยการฉีดไขมัน (Fat Graft )

รูปที่ 3. แสดงการ ผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยการฉีดไขมัน (Fat Graft)

 

ในการปรับรูปทรงสะโพกให้ ผาย กลมกลึง  กระชับสวยงาม ด้วยการฉีดไขมันมี

ข้อดี

  • เป็นไขมันของตัวเอง

ข้อเสีย

  • ไขมันที่ฉีดเข้าไปบางส่วนจะสลายไป ขนาดของก้นหลังผ่าตัดใหม่ๆกับหลังผ่าตัด 6 เดือนจะต่างกันมาก ต้องเติมไขมันซ้ำทุกๆ 6-12 เดือน อย่างน้อย 2-3 ครั้ง
  • ก้นสองข้างอาจจะไม่เท่ากัน ข้างไหนไขมันจะสลายมากกว่ากัน
  • มีข้อจำกัดในเรื่องของปริมาณที่ฉีด อาจจะไม่ได้มากเท่าที่ต้องการ
  • ไม่สามารถแก้ก้นห้อยได้

 

3. ผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยการใช้ถุงซิลิโคน ร่วมกับ การผ่าตัดยกกระชับ (Buttock Implants  and lift)

          การยกกระชับสะโพก เป็นการยกกระชับสะโพกที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเด้งเต่งตึงอีกครั้ง โดยการผ่าตัดนำผิวหนังส่วนที่หย่อนคล้อยบริเวณสะโพกออก จะมีแผลซ่อนอยู่ที่ขอบบิกินี่ไลน์ด้านหลัง การผ่าตัดอาจจะเป็นการผ่าตัดยกกระชับสะโพกอย่างเดียว หรือ มีการเสริมด้วยถุงซิลิโคนหรือและฉีดไขมันร่วมด้วย 

แสดงการผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยการใช้ถุงซิลิโคน ร่วมกับ การผ่าตัดยกกระชับ

รูปที่ 4. แสดงการผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยการใช้ถุงซิลิโคน ร่วมกับ การผ่าตัดยกกระชับ

 

ข้อดี

  • สามารถผ่าตัดได้ทันทีแม้ไม่มีไขมัน
  • สามารถกำหนดขนาดที่ต้องการได้
  • เมื่อต้องการเอาออกสามารถเอาออกได้ทั้งถุงซิลิโคน
  • การเสริมซิลิโคนสามารถแก้ปัญหาก้นห้อยในกรณีที่ก้นห้อยและมีหนังเหลือเยอะมาก  เทคนิคนี้สามารถปรับรูปร่างของสะโพกและลำตัวได้

 

ผู้ที่เหมาะสมทำการผ่าตัดเสริมสะโพก

  1. สะโพกแบน เล็ก หรือห้อย
  2. มีความคาดหวังอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง
  3. มีร่างกายที่สมบูรณ์ แข็งแรง สามารถดมยาสลบได้
  4. มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป

 

วิธีการผ่าตัด เสริมสะโพกด้วยถุงซิลิโคน

  1. นอนคว่ำดมยาสลบ
  2. เปิดแผลที่ร่องก้น ยาว 4-5 เซนติเมตร เปิดโพรงใต้กล้ามเนื้อสะโพกทั้งสองข้าง  แล้วใส่ถุงซิลิโคนสำหรับก้น ที่เลือกไว้เข้าไป  จัดรูปทรงให้สวยงาม
  3. เย็บปิดแผล

 

ระยะเวลาในการผ่าตัดเสริมสะโพก

ใช้ระยะเวลาในการผ่าตัด ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ภายใต้การดมยาสลบ

 

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด เสริมสะโพก

  1. ปรึกษาศัลยแพทย์ เพื่อเลือกขนาดถุงซิลิโคนให้เหมาะสมกับรูปร่าง
  2. ตรวจเลือดและตรวจร่างกาย
  3. ทานยาหรือปรับยาตามแพทย์แนะนำเพื่อเตรียมตัวผ่าตัด
  4. หยุดยาจำพวกแอสไพริน ยาลดอาการอักเสบ หรือสมุนไพร เพราะอาจจะทำให้เลือดออกมาขึ้นได้

 

การดูแลหลังผ่าตัดเสริมสะโพก

  1. ผู้ที่ผ่าตัดเสริมสะโพก ต้องระวังเรื่องของการอักเสบของแผลที่เกิดจากแผลผ่าตัดที่อยู่บริเวณร่องก้น ซึ่งจะมีความยาวประมาณ 4-5 ซม.
  2. หลังผ่าตัดใหม่จึงต้องนอนคว่ำหน้าอย่างน้อย 7วัน เพื่อป้องกันไม่ ให้แผลแยกและช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้น หลังจากนั้น สามารถนอนตะแคงสลับการนอนคว่ำ เป็นเวลาประมาณ 2-3 อาทิตย์
  3.  ใส่กางเกงยกกระชับสะโพก 1 เดือนเพื่อช่วยให้แผลสมานเร็วขึ้น
  4. ไปพบแพทย์ตามนัดหมายทุกครั้ง

 

ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดได้หลังการ เสริมสะโพก

หัตถการทุกอย่างนั้นมีความเสี่ยงเสมอ ควรรู้ว่าสามารถเกิดขึ้นได้ ถึงแม้จะได้รับการผ่าตัดอย่างดี

  1. แผลเป็น (Scarring)
  2. เลือดออก (Bleeding)
  3. บวม เขียวช้ำ (Bruising)
  4. ปวด (Pain)
  5. ภาวะติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด หรือติดเชื้อรอบซิลิโคนเสริมสะโพก (Infection)
  6. สะโพกซ้ายขวา อาจจะไม่เท่ากันได้  (Asymmetry)
  7. ภาวะพังผืด (Capsular contracture) และต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไขได้
  8. ซิลิโคนเหลว แตกรั่วออกจากถุงซิลิโคน (Implant leak)
  9. แผลหายช้า (Poor Healing)
  10. แผลแตก แผลแยก (Skin tears)
  11. ความเสี่ยงจากการดมยาสลบ (Risk from Anesthesia)

 

ผลการผ่าตัดเสริมสะโพก

          คุณจะได้สะโพกที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและสวยงามเหมือนธรรมชาติ และสามารถปรับเปลี่ยนได้ง่ายเช่นเดียวกับการเสริมเต้านม ดังนั้นการผ่าตัดเสริมสะโพกให้ดูใหญ่และได้สัดส่วนของรูปร่างที่สวยงามและสมดุล จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะช่วยเสริมสร้างความงดงามของรูปร่าง เสริมบุคลิกภาพให้เกิดความมั่นใจ อีกทั้งยังมีความปลอดภัยในผลของการผ่าตัดสูง ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ทำการผ่าตัด

 
 
 
 

World-Class Services