• โทร: 02 559 0155

ดึงหน้า / ดึงคอ

ดึงหน้า / ศัลยกรรมดึงหน้า   (Facelift Surgery)

          ผ่าตัดดึงหน้า/ ศัลยกรรมดึงหน้า เป็นการผ่าตัดแก้ไข ใบหน้าที่หย่อนคล้อยอันเนื่องมาจาก การเปลี่ยนแปลงที่มาตามวัยที่เพิ่มขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงของ มวลกระดูก กล้ามเนื้อ  และความยืดหยุ่นบนใบหน้า กล้ามเนื้อ และผิวหนังที่หน้าผาก  แก้ม กราม คางและคอ ก็จะห้อยลงมา การผ่าตัดดึงหน้าจึงเป็น วิธีการที่ทำให้ใบหน้าดูสดใส เต่งตึง ดูอ่อนเยาว์ 

 

เทคนิคการผ่าตัดดึงหน้า

          โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล มีการผ่าตัดดึงหน้าหลายเทคนิค บางท่านอาจจะใช้เพียงเทคนิคเดียว หรือหลายเทคนิคร่วมกันเพื่อให้ได้ผลการผ่าตัดที่ดีที่สุด ดังนี้

  1. การผ่าตัดดึงโหนกแก้ม ร่องแก้ม แผลหน้าหู และบริเวณตาล่าง (Mini face lift and Mid face lift)
  2. ผ่าตัดดึงหน้าทั้งหมด( โหนกแก้ม ร่องแก้ม แนวกราม- คาง)  ด้วยแผลหน้าหู และ หลังหู เย็บชั้นกล้ามเนื้อ SMAS ให้ตึง ( Full facelift )
  3. ผ่าตัดยกกระชับใบหน้าด้วย วัสดุสังเคราะห์  ( Endotine  Mid face lift)
  4.  ผ่าตัดยกกระชับคางห้อย ด้วยการเย็บกล้ามเนื้อใต้คาง ( Neck lift / Neck Tuck )
  5. ผ่าตัดดึงคิ้ว ( Forehead lift )
  6. ผ่าตัดเพิ่มความอูมอิ่ม ( Fat transfer )

 

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด ดึงหน้า

หลังจากปรึกษาแพทย์เพื่อตัดสินใจจะผ่าตัดแล้วแล้ว ต้องมีการเตรียมตัวดังนี้

  • การตรวจสุขภาพร่างกาย  ผลการตรวจทุกอย่าง ประวัติการรักษาพยาบาล รวมถึงการตรวจสุขภาพของผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 40 ปี ต้องตรวจคลื่นหัวใจ ตรวจ EKG  stress test. เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยที่อายุมากกว่า 40 ปี ที่อาจจะมีโรคหัวใจ ความดัน ซึ่งจะมีผลต่อการดมยาสลบ
  • หยุดการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2อาทิตย์
  • สระผมด้วยน้ำายาฆ่าเชื้อ
  • ความคาดหวังของผู้ป่วยก่อนผ่าตัดต้องคุยกับแพทย์ให้ชัดเจนถึงความต้องการของผลการผ่าตัดดึงหน้าเช่น  ผลของริ้วรอยหลังผ่าตัดดึงหน้า อาจจะมีใบหน้าซ้ายขวาไม่เท่ากันได้เนื่องจากไขมันที่เหลือบนใบหน้าอาจจะไม่เท่ากัน

 

วิธีการผ่าตัดดึงหน้า

          การผ่าตัดดึงหน้าต้องทำภายใต้การดมยาสลบ หรือ ยาชา แล้วทำให้ผู้ป่วยหลับด้วย (Sedation) การผ่าตัดจะใช้เวลา 2-4 ชั่วโมง ที่โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมลเรามี การผ่าตัดดึงหน้า ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์เป็นเหมือนธรรมชาติมี 6 แบบด้วยกันดังนี้ 

1. การผ่าตัดดึงโหนกแก้ม- ร่องแก้ม ( Mini facelift / Midface lift  ) เป็นการผ่าตัดเปิดแผลสองตำแหน่งคือที่ใต้ตาล่าง และหน้าหู  การเปิดแผลที่ตาล่าง เพื่อดึงกล้ามเนื้อโหนกแก้ม  การเปิดแผลที่หน้าหูตั้งแต่ขมับเหนือหูลงมาหน้าหู  แล้วเลาะผิวหนัง และเนื้อเยื่อเบริเวณหน้าหู และแก้ม เพื่อกระชับเนื้อเยื่อให้ตึง แล้วตัดผิวหนังส่วนเกินออกเย็บแผลให้เรียบร้อย  เทคนิคนี้ เหมาะกับผู้ที่มีร่องแก้มห้อย ย่อนคล้อยไม่มาก  

 

การผ่าตัดดึงหน้า โดยตัดหนังส่วนเกินออก

รูปที่ 1.  เทคนิคผ่าตัดดึงหน้าด้วย การผ่าตัดดึงโหนกแก้ม-ร่องแก้มและตาล่าง

 

2. การผ่าตัดดึงหน้าทั้งหน้า ( Full face lift) รวม โหนกแก้ม  ร่องแก้ม  แนวกราม-คาง  โดยเปิดแผลหน้าหูถึงหลังหู เปิดเลาะไปถึงชั้น กล้ามเนื้อ  แล้วแยกเอาชั้นของ SMAS ออกมาดึงให้ตึงแล้วตัดส่วนเกินออก  แล้วเย็บให้ตึงที่สุด จากนั้น ชั้นของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง และ ผิวหนังก็ต้องดึงให้ตึงตามชั้นของ SMAS แล้วตัดหนังส่วนเกินในชั้นของเนื้อเยื่อและ ผิวหนังออกให้พอดี แล้วเย็บปิดแผลให้สวยงาม   เทคนิคนี้เหมาะกับผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อยมาก ถึงแนวกราม-คาง 

การผ่าตัดดึงหน้าโดยวธีผ่าตัดแยกเอาชั้นของ SMAS

รูปที่ 2. เทคนิคการผ่าตัดดึงหน้าแบบดึงทั้งหน้า โดยเย็บชั้นของ SMAS

 

3. การผ่าตัดดึงหน้าโดยใช้วัสดุสังเคราะห์ (Endotine - Mid face lift)  มาช่วยดึงชั้นกล้ามเนื้อส่วนลึกของหน้า  ด้วยการเปิดแผลหน้าหู แล้วใช้ Endotine ดึงกล้ามเนื้อแก้มล่างขึ้นตามความต้องการ แล้วตัดหนังส่วนเกินออกแล้ว เย็บปิดแผล   การใช้เทคนิคนี้ จะช่วยให้โหนกแก้มสูงขึ้น แล้ว วัสดุที่ใช้จะสลายไปภายใน 6 เดือน ข้อควรระวัง ตัว  Endotine  อาจจะทำให้เส้นประสาท ฉีกขาดได้

การผ่าตัดดึงหน้าโดยใช้  วัสดุสังเคราะห์ (Endotine)

รูปที่ 3. การผ่าตัดดึงหน้าโดยใช้  วัสดุสังเคราะห์ (Endotine)

 

4. การผ่าตัดกระชับลำคอ/ ผ่าตัดดึงคอ  มี 2 เทคนิคตามตำแหน่งการเปิดแผลผ่าตัด ดังนี้

  • เปิดแผลที่หน้าหูหลังหู ยาว (Neck Lift )ดังรูป Incision line 1 เพื่อกระชับกล้ามเนื้อแก้ม แนว กราม-คาง และคอ โดยการผ่าตัดเลาะชั้นของ SMAS ตั้งแต่ แนวคอ  กราม-คาง และแก้ม แล้วดึงให้ตึง ตัดส่วนเกินออก แล้วเย็บชั้น SMAS ให้ตึงตามแนวรูป
  • เปิดแผลเล็กๆใต้คาง  (Neck Tuck )  ดังรูป incision line no.2 แล้ว พร้อมกับเย็บกระชับกล้ามเนื้อใต้คางให้ชิดกัน   ทำให้ลำคอกระชับดูตึงขึ้น ตัดเอาหนังส่วนเกิน หรือไขมันส่วนเกินจากคอ และคางออกให้พอดี จะได้ลำคอ และคางที่กระชับ ไม่เป็นคางเหมือนไก่งวง

การผ่าตัดดึงคอ มักจะทำร่วมกับการดึงหน้า แล้ว กระชับกล้ามเนื้อ ชั้น SMAS  เพื่อให้ใด้ผลการผ่าตัดยกกระชับลำคอ ใต้คาง ได้ผลดี

เทคนิคการการผ่าตัดดึงคอ  กระชับกล้ามเนื้อคอ และ SMAS

รูปที่ 4. เทคนิคการการผ่าตัดดึงคอ  กระชับกล้ามเนื้อคอ และ SMAS

 

5. การผ่าตัดดึงคิ้ว ( Brow  Lift / Forehead lift ) เป็นส่วนหนึ่งของการผ่าตัดดึงหน้าเพื่อให่ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ แผลผ่าตัดจะอยู่หลังไรผม1-2 เซนติเมตร เป็นการดึงระดับคิ้วขึ้น ทำให้ใบหน้าดูสดใสชึ้น คิ้วไม่ตก การผ่าตัดดึงคิ้วมี 3 แบบดังนี้

  • ผ่าตัดดึงคิ้วด้วยกล้อง ข้อดีคือแผลเล็ก
  • ผ่าตัดดึงคิ้วแผลเหนือหู ประมาณ5-7 เซนติเมตร
  • ดึงคิ้งแบบแผลกว้าง ในกรณีที่ต้องการ ดึงหน้าผากทั้งหมดให้สูงขึ้น ลดริ้วรอยที่เป็นมากที่หน้าผากอีกด้วย

See More

 

6. การทำให้หน้าตึงด้วยการฉีดไขมัน( Fat graft ) โดยเอาไขมันของตัวเองจากส่วนอื่นมาฉีดใส่หน้าให้ดูอูมอิ่ม เต่งตึง สำหรับคนที่หน้าเหี่ยว และผอมตอบ การเพิ่มไขมันบนใบหน้าจึงจำเป็นอย่างยิ่ง

การทำให้หน้าตึงด้วยการฉีดไขมัน

รูปที่ 5. การทำให้หน้าตึงด้วยการฉีดไขมัน 

ในคนไข้บางคน มีความจำเป็นที่ ต้องการทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ อาจจะมีความจำเป็นที่จะต้องใช้อะไรๆหลายเทคนิคผสมผสานกัน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใบหน้าให้ดูอ่อนวัย หน้าตาอูมอิ่มขึ้นสวยงามขึ้น 

 

การดูแลแผลหลังผ่าตัด

  • นอนหมอนสูงยกศรีษะให้สูงเท่าที่จะทำได้
  • หลังผ่าตัด 2 วันสระผม ล้างหน้าได้
  • มีการเคลื่อนไหวบ้างอย่างช้าๆ เพื่อให้ระบบเลือดไหลเวียน
  • สวมผ้ารัดหน้าตลอดเวลา 3 วันแรก จากนั้นสวมเฉพาะกลางคืนอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อช่วยลดบวม
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหักโหม1เดือนหลังผ่าตัด
  • หยุดการสูบบุหรี่ หรือดื่มเหล้า อย่างน้อบ 2 อาทิตย์หลังผ่าตัด
  • ไปตามแพทย์นัดทุกครั้ง มีข้อสงสัยอะไรถามแพทย์ที่ผ่าตัดได้ตลอดเวลา
  • หลังผ่าตัด 7 วันตัดไหม และมีบางส่วนตัดไหม 10 วันหลังผ่าตัด

 

ความเสี่ยงและปัญหาแทรกซ้อนของการผ่าตัดดึงหน้า

  • ปัญหาการคั่งของเลือดHematoma ใต้ผิวหนังหลังผ่าตัด
  • ปัญหาของการสะสมของน้ำเหลีองเป็นบางส่วนของใบหน้า เกิดการยุบบวมช้า
  • ผมร่วง หรือหายไปบริเวณที่เปิดแผล อาจจะเป็นชั่วคราวหรือถาวรก็ได้แก้ได้ด้วยการปลูกผม
  • แผลเป็นบริเวณแผลผ่าตัด โดยปกติจะปกปิดโดยผม   แต่บางคนอาจจะเกิดแผลเป็นนูนแดง แต่แก้ไขได้ ด้วยการฉีดยา corticosteroid.หรือการทำหัตถการอื่นๆช่วย
  • อาจจะเกิด skin necrosis   เนื้อผิวหนังอาจจะตายได้เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงไม่พอ
  • ผิวหนังอาจจะไม่เรียบ และสีผิวอาจจะไม่สม่ำเสมอได้แต่แก้ไขได้ด้วยวิธีการอื่น
  • ไหมที่เย็บอยู่ใต้ผิวหนังอาจจะโผล่ขึ้นมา หรือ เวลาลูบๆแล้วรู้สึกเป็นไหม แต่เป็นไหมละลายต้องใช้เวลา 3-6 เดือน
  • อาจจะทำให้ใบหน้าไม่เท่ากันได้ เนื้องจาก Fat necrosis หรือไขมันที่เหลือบนใบหน้าไม่เท่ากัน
  • การฉีกขาดของเส้นประสาท อาจจะชาได้ หรือกล้ามเนี้ออ่อนแรงได้  มักจะแบบเป็นชั่วคราว สามารถหายได้เอง 6-12 เดือน
  • ความเสี่ยงอื่นๆเหมือนกับการผ่าตัดใหญ่ทั่วไป เช่น ความเสี่ยงจากการดมยาสลบ  การติดเชื้อ หรือยา บางตัวที่รับประทานต่อเนื่อง

 

การพักฟื้นหลังผ่าตัดดึงหน้า ดึงคอ

          หลังการผ่าตัดอาจจะมีอาการบวมช้ำเขียวและ อาการชาประมาณ 1-2 อาทิตย์ ต้องใส่ผ้ารัดหน้า24 ชั่วโมง  3 วันแรกหลังผ่าตัด หลังผ่าตัด หลังจากนั้นใส่ตอนนอน 1 เดือน  อาการบวมช้ำที่หน้าจะเริ่มดีขึ้น หลัง ผ่าตัด 2 อาทิตย์  แล้วให้เริ่มนวดหน้าเบาๆ ช่วยกระตุ้น เส้นประสาท และ ไล่น้ำเหลือง ช่วยยุบบวม สามารถกลับไปทำงานตามปกติได้  14 วัน หลังผ่าตัด  ออกกำลังกายได้หลังผ่าตัด 4 อาทิตย์  การผ่าตัดจะยุบบวม และอาการชาจะดีขึ้น และเห็นผลการผ่าตัดชัดเจนเต็มที่ 6-12 เดือน

 

 
 
 
 

World-Class Services