ดึงหน้า / ศัลยกรรมดึงหน้า (Facelift Surgery)
ผ่าตัดดึงหน้า/ ศัลยกรรมดึงหน้า เป็นการผ่าตัดแก้ไข ใบหน้าที่หย่อนคล้อยอันเนื่องมาจาก การเปลี่ยนแปลงที่มาตามวัยที่เพิ่มขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงของ มวลกระดูก กล้ามเนื้อ และความยืดหยุ่นบนใบหน้า กล้ามเนื้อ และผิวหนังที่หน้าผาก แก้ม กราม คางและคอ ก็จะห้อยลงมา การผ่าตัดดึงหน้าจึงเป็น วิธีการที่ทำให้ใบหน้าดูสดใส เต่งตึง ดูอ่อนเยาว์
เทคนิคการผ่าตัดดึงหน้า
โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล มีการผ่าตัดดึงหน้าหลายเทคนิค บางท่านอาจจะใช้เพียงเทคนิคเดียว หรือหลายเทคนิคร่วมกันเพื่อให้ได้ผลการผ่าตัดที่ดีที่สุด ดังนี้
- การผ่าตัดดึงโหนกแก้ม ร่องแก้ม แผลหน้าหู และบริเวณตาล่าง (Mini face lift and Mid face lift)
- ผ่าตัดดึงหน้าทั้งหมด( โหนกแก้ม ร่องแก้ม แนวกราม- คาง) ด้วยแผลหน้าหู และ หลังหู เย็บชั้นกล้ามเนื้อ SMAS ให้ตึง ( Full facelift )
- ผ่าตัดยกกระชับใบหน้าด้วย วัสดุสังเคราะห์ ( Endotine Mid face lift)
- ผ่าตัดยกกระชับคางห้อย ด้วยการเย็บกล้ามเนื้อใต้คาง ( Neck lift / Neck Tuck )
- ผ่าตัดดึงคิ้ว ( Forehead lift )
- ผ่าตัดเพิ่มความอูมอิ่ม ( Fat transfer )
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด ดึงหน้า
หลังจากปรึกษาแพทย์เพื่อตัดสินใจจะผ่าตัดแล้วแล้ว ต้องมีการเตรียมตัวดังนี้
- การตรวจสุขภาพร่างกาย ผลการตรวจทุกอย่าง ประวัติการรักษาพยาบาล รวมถึงการตรวจสุขภาพของผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 40 ปี ต้องตรวจคลื่นหัวใจ ตรวจ EKG stress test. เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยที่อายุมากกว่า 40 ปี ที่อาจจะมีโรคหัวใจ ความดัน ซึ่งจะมีผลต่อการดมยาสลบ
- หยุดการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2อาทิตย์
- สระผมด้วยน้ำายาฆ่าเชื้อ
- ความคาดหวังของผู้ป่วยก่อนผ่าตัดต้องคุยกับแพทย์ให้ชัดเจนถึงความต้องการของผลการผ่าตัดดึงหน้าเช่น ผลของริ้วรอยหลังผ่าตัดดึงหน้า อาจจะมีใบหน้าซ้ายขวาไม่เท่ากันได้เนื่องจากไขมันที่เหลือบนใบหน้าอาจจะไม่เท่ากัน
วิธีการผ่าตัดดึงหน้า
การผ่าตัดดึงหน้าต้องทำภายใต้การดมยาสลบ หรือ ยาชา แล้วทำให้ผู้ป่วยหลับด้วย (Sedation) การผ่าตัดจะใช้เวลา 2-4 ชั่วโมง ที่โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมลเรามี การผ่าตัดดึงหน้า ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์เป็นเหมือนธรรมชาติมี 6 แบบด้วยกันดังนี้
1. การผ่าตัดดึงโหนกแก้ม- ร่องแก้ม ( Mini facelift / Midface lift ) เป็นการผ่าตัดเปิดแผลสองตำแหน่งคือที่ใต้ตาล่าง และหน้าหู การเปิดแผลที่ตาล่าง เพื่อดึงกล้ามเนื้อโหนกแก้ม การเปิดแผลที่หน้าหูตั้งแต่ขมับเหนือหูลงมาหน้าหู แล้วเลาะผิวหนัง และเนื้อเยื่อเบริเวณหน้าหู และแก้ม เพื่อกระชับเนื้อเยื่อให้ตึง แล้วตัดผิวหนังส่วนเกินออกเย็บแผลให้เรียบร้อย เทคนิคนี้ เหมาะกับผู้ที่มีร่องแก้มห้อย ย่อนคล้อยไม่มาก
รูปที่ 1. เทคนิคผ่าตัดดึงหน้าด้วย การผ่าตัดดึงโหนกแก้ม-ร่องแก้มและตาล่าง
2. การผ่าตัดดึงหน้าทั้งหน้า ( Full face lift) รวม โหนกแก้ม ร่องแก้ม แนวกราม-คาง โดยเปิดแผลหน้าหูถึงหลังหู เปิดเลาะไปถึงชั้น กล้ามเนื้อ แล้วแยกเอาชั้นของ SMAS ออกมาดึงให้ตึงแล้วตัดส่วนเกินออก แล้วเย็บให้ตึงที่สุด จากนั้น ชั้นของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง และ ผิวหนังก็ต้องดึงให้ตึงตามชั้นของ SMAS แล้วตัดหนังส่วนเกินในชั้นของเนื้อเยื่อและ ผิวหนังออกให้พอดี แล้วเย็บปิดแผลให้สวยงาม เทคนิคนี้เหมาะกับผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อยมาก ถึงแนวกราม-คาง
รูปที่ 2. เทคนิคการผ่าตัดดึงหน้าแบบดึงทั้งหน้า โดยเย็บชั้นของ SMAS
3. การผ่าตัดดึงหน้าโดยใช้วัสดุสังเคราะห์ (Endotine - Mid face lift) มาช่วยดึงชั้นกล้ามเนื้อส่วนลึกของหน้า ด้วยการเปิดแผลหน้าหู แล้วใช้ Endotine ดึงกล้ามเนื้อแก้มล่างขึ้นตามความต้องการ แล้วตัดหนังส่วนเกินออกแล้ว เย็บปิดแผล การใช้เทคนิคนี้ จะช่วยให้โหนกแก้มสูงขึ้น แล้ว วัสดุที่ใช้จะสลายไปภายใน 6 เดือน ข้อควรระวัง ตัว Endotine อาจจะทำให้เส้นประสาท ฉีกขาดได้
รูปที่ 3. การผ่าตัดดึงหน้าโดยใช้ วัสดุสังเคราะห์ (Endotine)
4. การผ่าตัดกระชับลำคอ/ ผ่าตัดดึงคอ มี 2 เทคนิคตามตำแหน่งการเปิดแผลผ่าตัด ดังนี้
- เปิดแผลที่หน้าหูหลังหู ยาว (Neck Lift )ดังรูป Incision line 1 เพื่อกระชับกล้ามเนื้อแก้ม แนว กราม-คาง และคอ โดยการผ่าตัดเลาะชั้นของ SMAS ตั้งแต่ แนวคอ กราม-คาง และแก้ม แล้วดึงให้ตึง ตัดส่วนเกินออก แล้วเย็บชั้น SMAS ให้ตึงตามแนวรูป
- เปิดแผลเล็กๆใต้คาง (Neck Tuck ) ดังรูป incision line no.2 แล้ว พร้อมกับเย็บกระชับกล้ามเนื้อใต้คางให้ชิดกัน ทำให้ลำคอกระชับดูตึงขึ้น ตัดเอาหนังส่วนเกิน หรือไขมันส่วนเกินจากคอ และคางออกให้พอดี จะได้ลำคอ และคางที่กระชับ ไม่เป็นคางเหมือนไก่งวง
การผ่าตัดดึงคอ มักจะทำร่วมกับการดึงหน้า แล้ว กระชับกล้ามเนื้อ ชั้น SMAS เพื่อให้ใด้ผลการผ่าตัดยกกระชับลำคอ ใต้คาง ได้ผลดี
รูปที่ 4. เทคนิคการการผ่าตัดดึงคอ กระชับกล้ามเนื้อคอ และ SMAS
5. การผ่าตัดดึงคิ้ว ( Brow Lift / Forehead lift ) เป็นส่วนหนึ่งของการผ่าตัดดึงหน้าเพื่อให่ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ แผลผ่าตัดจะอยู่หลังไรผม1-2 เซนติเมตร เป็นการดึงระดับคิ้วขึ้น ทำให้ใบหน้าดูสดใสชึ้น คิ้วไม่ตก การผ่าตัดดึงคิ้วมี 3 แบบดังนี้
- ผ่าตัดดึงคิ้วด้วยกล้อง ข้อดีคือแผลเล็ก
- ผ่าตัดดึงคิ้วแผลเหนือหู ประมาณ5-7 เซนติเมตร
- ดึงคิ้งแบบแผลกว้าง ในกรณีที่ต้องการ ดึงหน้าผากทั้งหมดให้สูงขึ้น ลดริ้วรอยที่เป็นมากที่หน้าผากอีกด้วย
6. การทำให้หน้าตึงด้วยการฉีดไขมัน( Fat graft ) โดยเอาไขมันของตัวเองจากส่วนอื่นมาฉีดใส่หน้าให้ดูอูมอิ่ม เต่งตึง สำหรับคนที่หน้าเหี่ยว และผอมตอบ การเพิ่มไขมันบนใบหน้าจึงจำเป็นอย่างยิ่ง
รูปที่ 5. การทำให้หน้าตึงด้วยการฉีดไขมัน
ในคนไข้บางคน มีความจำเป็นที่ ต้องการทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ อาจจะมีความจำเป็นที่จะต้องใช้อะไรๆหลายเทคนิคผสมผสานกัน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใบหน้าให้ดูอ่อนวัย หน้าตาอูมอิ่มขึ้นสวยงามขึ้น
การดูแลแผลหลังผ่าตัด
- นอนหมอนสูงยกศรีษะให้สูงเท่าที่จะทำได้
- หลังผ่าตัด 2 วันสระผม ล้างหน้าได้
- มีการเคลื่อนไหวบ้างอย่างช้าๆ เพื่อให้ระบบเลือดไหลเวียน
- สวมผ้ารัดหน้าตลอดเวลา 3 วันแรก จากนั้นสวมเฉพาะกลางคืนอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อช่วยลดบวม
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหักโหม1เดือนหลังผ่าตัด
- หยุดการสูบบุหรี่ หรือดื่มเหล้า อย่างน้อบ 2 อาทิตย์หลังผ่าตัด
- ไปตามแพทย์นัดทุกครั้ง มีข้อสงสัยอะไรถามแพทย์ที่ผ่าตัดได้ตลอดเวลา
- หลังผ่าตัด 7 วันตัดไหม และมีบางส่วนตัดไหม 10 วันหลังผ่าตัด
ความเสี่ยงและปัญหาแทรกซ้อนของการผ่าตัดดึงหน้า
- ปัญหาการคั่งของเลือดHematoma ใต้ผิวหนังหลังผ่าตัด
- ปัญหาของการสะสมของน้ำเหลีองเป็นบางส่วนของใบหน้า เกิดการยุบบวมช้า
- ผมร่วง หรือหายไปบริเวณที่เปิดแผล อาจจะเป็นชั่วคราวหรือถาวรก็ได้แก้ได้ด้วยการปลูกผม
- แผลเป็นบริเวณแผลผ่าตัด โดยปกติจะปกปิดโดยผม แต่บางคนอาจจะเกิดแผลเป็นนูนแดง แต่แก้ไขได้ ด้วยการฉีดยา corticosteroid.หรือการทำหัตถการอื่นๆช่วย
- อาจจะเกิด skin necrosis เนื้อผิวหนังอาจจะตายได้เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงไม่พอ
- ผิวหนังอาจจะไม่เรียบ และสีผิวอาจจะไม่สม่ำเสมอได้แต่แก้ไขได้ด้วยวิธีการอื่น
- ไหมที่เย็บอยู่ใต้ผิวหนังอาจจะโผล่ขึ้นมา หรือ เวลาลูบๆแล้วรู้สึกเป็นไหม แต่เป็นไหมละลายต้องใช้เวลา 3-6 เดือน
- อาจจะทำให้ใบหน้าไม่เท่ากันได้ เนื้องจาก Fat necrosis หรือไขมันที่เหลือบนใบหน้าไม่เท่ากัน
- การฉีกขาดของเส้นประสาท อาจจะชาได้ หรือกล้ามเนี้ออ่อนแรงได้ มักจะแบบเป็นชั่วคราว สามารถหายได้เอง 6-12 เดือน
- ความเสี่ยงอื่นๆเหมือนกับการผ่าตัดใหญ่ทั่วไป เช่น ความเสี่ยงจากการดมยาสลบ การติดเชื้อ หรือยา บางตัวที่รับประทานต่อเนื่อง
การพักฟื้นหลังผ่าตัดดึงหน้า ดึงคอ
หลังการผ่าตัดอาจจะมีอาการบวมช้ำเขียวและ อาการชาประมาณ 1-2 อาทิตย์ ต้องใส่ผ้ารัดหน้า24 ชั่วโมง 3 วันแรกหลังผ่าตัด หลังผ่าตัด หลังจากนั้นใส่ตอนนอน 1 เดือน อาการบวมช้ำที่หน้าจะเริ่มดีขึ้น หลัง ผ่าตัด 2 อาทิตย์ แล้วให้เริ่มนวดหน้าเบาๆ ช่วยกระตุ้น เส้นประสาท และ ไล่น้ำเหลือง ช่วยยุบบวม สามารถกลับไปทำงานตามปกติได้ 14 วัน หลังผ่าตัด ออกกำลังกายได้หลังผ่าตัด 4 อาทิตย์ การผ่าตัดจะยุบบวม และอาการชาจะดีขึ้น และเห็นผลการผ่าตัดชัดเจนเต็มที่ 6-12 เดือน